“หมอเหรียญฯ” เมินสปสช.แก้ตัว กางยอดหนี้ค้างรพ.มงกุฎวัฒนะ จี้เร่งจ่ายอย่าทำรพ.-ผู้ป่วย เดือดร้อนกว่านี้

"หมอเหรียญฯ" เมินสปสช.แก้ตัว กางยอดหนี้ค้างรพ.มงกุฎวัฒนะ จี้เร่งจ่ายอย่าทำรพ.-ผู้ป่วย เดือดร้อนกว่านี้

“หมอเหรียญฯ” เมินสปสช.แก้ตัว กางยอดหนี้ค้างรพ.มงกุฎวัฒนะ จี้เร่งจ่ายอย่าทำรพ.-ผู้ป่วย เดือดร้อนกว่านี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ งดให้บริการผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง” เนื่องจากเกิดปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้างชำระค่าบริการระหว่างทางโรงพยาบาลกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษายังคงสามารถใช้บริการได้ แต่ต้องชำระค่ารักษาและค่ายาด้วยตนเองทั้งหมด แต่ทางโรงพยาบาลก็ได้แบกรับค่าใช้จ่ายแทนผู้ป่วยด้วยการคิดค่าบริการเทียบเท่าโรงพยาบาลรัฐ บวกส่วนลดพิเศษอีก 5 %

 

ล่าสุดวันนี้ (23 ต.ค. 68) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวกับทีมข่าวท็อปนิวส์ ว่า ทางสปสช.มีหนี้ค้างโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ในปีงบประมาณ ปี 2563 ซึ่งเป็นยอดที่ฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลปกครอง จำนวน 13 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งตนเองยืนยันว่า สปสช.เป็นหนี้กับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจริง เพราะเป็นคู่สัญญากับทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไม่ใช่คลินิกปฐมภูมิ ที่เป็นต้นทางของผู้ป่วยบัตรทอง

โดยสปสช. ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลรับตรวจคนไข้จากคลินิกที่เป็นคู่สัญญาของสปสช. แต่ถูกสปสช.ยกเลิก ทางโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ จึงเปรียบเสมือนเป็นเคลียริ่งเฮ้าส์ ที่รับเคลียร์ยอดผู้ป่วยต่อจากคลินิกเหล่านั้น มาส่วนหนึ่งจำนวน 4 ล้านบาท ก็เป็นการยืนยันแล้วว่า สปสช.มีหน้าที่ต้องเคลียร์หนี้ และออกสเตรทเม้นท์ รับสภาพหนี้ 13 ล้าน 2 แสนบาท ซึ่งขณะนี้ มีการชำระมาบางส่วนคงเหลือยอดหนี้อีกประมาณกว่า 8 ล้านบาท

 

นอกจากนั้น ยังมีหนี้ ในปีงบประมาณปี 2567 ห้วงระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 2567 ถึง 30 ก.ย. 67 ซึ่งยอดหนี้อยู่ที่ 43 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ค่าตรวจรักษา ประมาณ 20 กว่าล้าน และเป็นหนี้ค่าแพทย์อีก 22 ล้าน ซึ่งทางสปสช. ไม่ยอมเคลียร์ชำระเลยสักบาท ทั้งที่ได้มีการมาประชุมที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และแพทย์หญิงลลิตยา กองคำ ซึ่งดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสปสช. และคณะได้เสนอขอให้ช่วยรับส่งต่อการรักษาจากคลินิก โดยจะจ่ายตามอัตราจริง แต่ก็ไม่มีการจ่ายสักบาทจนกระทั่ง ปัจจุบันก็ยังไม่จ่าย โดยมีการตกลงจ่ายค่าแพทย์ 200 บาท ค่าโรงพยาบาล 100 บาท ตามอัตรา แต่ปรากฏว่ากลับมีการออกประกาศย้อนหลังไม่จ่ายค่าแพทย์และค่าโรงพยาบาล รวมถึงลดค่ายาและไม่จ่ายเลยจนถึงปัจจุบัน รวมแล้วประมาณ 50 ล้าน ส่วนหนี้งบประมาณปี 2568 ที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ เริ่มทยอยจ่ายบ้างแล้วกว่า 30 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับโรงพยาบาลรัฐบาล

 

ที่ผ่านมา สปสช. ไม่เคยมีการเจรจานอกรอบใดๆเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แถมยังมีการแอบอ้าง เอาปีกติกา 2568 ไปใช้ ในปี 2567 ประกาศลดราคค่าตรวจย้อนหลัง และนำระบบพ้อยซ์ หรือแต้มไปตัดลดอีก จนส่งผลให้ทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะต้องเปลี่ยนจากสถานะเจ้าหนี้กลายเป็นลูกหนี้ไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน 1 ใน 8 แห่งที่อยู่ในระบบบัตรทอง ก็โดนเรียกคืน 3% เหมือนกับโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ เป็นเงินกว่า 23 ล้าน ซึ่งส่วนใหญ่โรงพยาบาลที่ตรวจคนไข้มาก ก็จะโดนเรียกคืนมาก ใช้วิธีการสุ่มตรวจหาเรื่องว่า แฟ้มไหนจะมีข้อมูลผิดพลาดคาดเคลื่อนแล้วเหมารวมทั้งหมด

หากสปสช.มีการใช้หนี้ที่ติดค้างอยู่แล้ว ในอนาคต ทางโรงพยาบาลจะดำเนินการอย่างไรกับผู้ป่วยบัตรทองนั้น พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับผู้ป่วยบัตรทอง ไม่เคยรังเกียจ ทุกโรงพยาบาลในประเทศไทยไม่ได้มีปัญหากับผู้ป่วยบัตรทอง แต่มีปัญหากับระบบของสปสช. ที่เกิดขึ้นโดยผู้บริหารและบอร์ดสปสช. ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงมากตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งกฎเกณฑ์ย้อนหลังอดีต เปลี่ยนกฎไม่มีการบอกหรือตกลงล่วงหน้านึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนตามใจ โดยให้มีผลย้อนหลัง โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะโดนก่อน จากนั้นโรงพยาบาลทั้งประเทศก็โดนหมด จนสุดท้ายก็หายไม่ได้ชำระหนี้ ตอนนี้ทางโรงพยาบาล ไม่มีเงินหมุนเวียนซื้อยา จ้างหมอ จ้างพยาบาล เป็นค่าใช้จ่ายจริงทั้งสิ้น เมื่อไม่มีเงินก็ต้องหยุดรักษาคนไข้ ก็ต้องจ่ายเองกัดฟันช่วยตนเอง

พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังบอกถึงปัญหา ที่แท้จริงของสปสช.ตามความคิดมุมมองส่วนตัวของตนนั้น สปสช.ต้องดูที่นโยบายจากฝ่ายการเมืองด้วย ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด หากจ้องแต่จะสนองนโยบายทางการเมือง ทั้งที่งบประมาณไม่เพียงพอ ก็ต้องรู้จักการปฏิเสธ หรือควบคุมมิใช่ยอมรับหรือทำสิทธิประโยชน์มากมายแต่เงินไม่เพียงพอ ส่งผลเป็นการผลักภาระค่าใช้จ่าย มาสู่หน่วยบริการคลินิกศูนย์บริการสาธารณสุข การมีส่วนร่วมต่อสังคมหรือ CSR เป็นเรื่องที่ภาคเอกชน และภาครัฐจะต้องมี หากนโยบายเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ระบบก็จะไปไม่รอด

พล.ต.นพ.เหรียญทอง บอกด้วยว่า ขณะนี้เราหยุดให้บริการชั่วคราวผู้ป่วยบัตรทอง ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องกัดฟันควักกระเป๋าจ่ายเอง เฉพาะผู้ป่วยนอก ส่วนผู้ป่วยในผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลเราไม่ได้ยกเลิกยังให้บริการตามปกติ เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยอาการหนัก ผ่าตัดทำคลอดเข้าห้อง ICU สวนหรือผ่าหัวใจก็จะนำไปอยู่ในงบปลายปิด ตนอยากบอกสังคมว่า สปสช.เป็นองค์กรที่พูดจาโกหกเยอะมาก ไม่มีความน่าเชื่อถือ เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายหากไม่จ่ายคนที่เดือดร้อนคือประชาชนกับโรงพยาบาลอยู่คู่กัน วันนี้ผู้ป่วยบัตรทองมาใช้บริการมากขึ้น เขากัดฟันจ่ายเงินเอง เขาเดือดร้อน ทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ขอให้สปสช.เร่งจ่ายเงินเคลียร์หนี้งบประมาณปี 2563 ถึงแม้คดีจะยังอยู่ในชั้นศาล แต่ก็ต้องเคลียร์หนี้เพราะมันเป็นหนี้จริงๆรวมไปถึงหนี้ปี 2567 ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ผู้การเมืองคอน" สั่งตรวจทั่วสิชล หลังมีข่าวลักลอบเปิดบ่อน ยันไร้ความจริง
เริ่มแล้ว! งาน “ผ้าอีสานที่จริงใจ” @ โครงการจริงใจมาร์เก็ตเชียงใหม่
“ค็อบบร้า”  กระบอกจิ๋วอันตรายคืนชีพ
ส.ส.หนึ่ง กิตติ ส่งต่อความดี มอบเสื้อร่วมบุญเทศกาลกินเจ สร้างแรงบันดาลใจร่วมถือศีลทำความดี
พรรคคอมมิวนิสต์จีนรับรองแผนพัฒนาฯ 5 ปี
มทบ.32 ให้การต้อนรับกองประกวด MISS WELLNESS WORLD 2025

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​