“บวรศักดิ์” กางไทม์ไลน์แล้ว จบอายุรัฐบาล 4 เดือน ยุบสภาฯ 31 ม.ค.69 “หมอชลน่าน” ขอเร่งวันลงประชามติแก้รธน.เร็วขึ้น
"บวรศักดิ์" กางไทม์ไลน์แล้ว จบอายุรัฐบาล 4 เดือน ยุบสภาฯ 31 ม.ค.69 "หมอชลน่าน" ขอเร่งวันลงประชามติแก้รธน.เร็วขึ้น
ข่าวที่น่าสนใจ
15 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมรัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีชี้แจงภายหลังสมาชิกรัฐสภาอภิปรายจนครบทุกคน ถึงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทันตามกรอบเวลาในการยุบสภา 4 เดือนว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเป็นอำนาจของรัฐสภา รัฐบาลไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ แต่ขั้นตอนการทำประชามติมีกฎหมายกำหนดชัดเจนว่าให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อให้นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กำหนดวันลงประชามติ และกำหนดคำถามที่จะถามในประชามติ
ด้วยเหตุดังนี้ จึงต้องกำหนดระยะเวลาหรือไทม์ไลน์ที่เกิดจาก 3 ส่วน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และ MOA
โดยไทม์ไลน์จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือกรณีใช้พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับปัจจุบันเริ่มนับ 4 เดือนตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม 2568 จะไปครบ 4 เดือน ก็จะต้องยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ซึ่งตามกฏหมายต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันหรือไม่เกิน 60 วัน ดังนั้นหากยุบสภาตามกำหนด วันที่เหมาะสมในการเลือกตั้งคือวันอาทิตย์ ที่ 29 มีนาคม 2569 สมาชิกรัฐสภาจะต้องจะต้องลงมติในวาระสามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกินวันที่ 15 – 20 ธันวาคม 2568 ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีและกกต. จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568
กรณีที่2 หากมีการประกาศใช้พรป.การออกเสียงประชามติฉบับที่ 2 และมีการประกาศใช้ กรณีนี้จะทำให้สภามีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากกำหนดเวลาทำประชามติภายใน 60 วัน จากเดิม 90 วัน
ดังนั้นหากยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 และมีการเลือกตั้ง และทำประชามติพร้อมกันในวันที่ 29 มีนาคม 2569 รัฐสภาต้องลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ3 ระหว่างในวันที่ 15 – 19 มกราคม 2569 ส่วนการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีและกกต. จะต้องประกาศการจัดทำมติภายในวันที่ 29 มกราคม 2568
ด้านนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีที่มาชี้แจง เรื่อง Timeline หรือกำหนดเวลา ให้สภาได้รับทราบ มีข้อห่วงใยในไทม์ไลน์ที่นำเสนอ เห็นด้วยอย่างยิ่งมีความชัดเจน แต่มีข้อกังวลอยู่นิดเดียว ที่ตนเองได้อธิบายเรื่องนี้ไปและไปดูรายละเอียดทั้งหมด เวลาได้เหลื่อมจากที่รองนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอไปเพียง 1 สัปดาห์ ความหมายคือลงมติวาระที่ 3 ที่รองนายกได้กำหนดวันที่ 15-20 ธันวาคม แต่ของตนเองจะต้องลงมติไม่เกินวันที่ 9 เลยกำหนดเป็นวันที่ 8 เพราะว่าจากการลงมติในวาระที่ 2 นับไปอีก 15 วัน
ก็จะเป็นต้นเดือนธันวาคม ถ้ามีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ นับไปอีก 15 วัน เพื่อไปลงมติในวาระที่ 3 ก็จะเป็นวันที่ 8 ธ.ค. หลังวันที่ 8 เราให้ทางฝ่ายรัฐสภาดำเนินการให้เรียบร้อย และสามารถส่งหนังสือให้ได้เร็วที่สุด แต่รองนายกใช้เวลา 10 วัน แต่ที่รัฐสภาสามารถใช้เวลาเร็วที่สุด 3 วัน ส่งเรื่องไปที่นายกรัฐมนตรีได้เลยเพื่อแจ้งให้ทราบในวันที่12 ธ.ค. และได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา ให้มีการออกเสียงประชามติ เพราะเป็นเรื่องที่รัฐสภาได้เสนอไป คำถามที่ 1 และคำถามที่ 2 เพราะคำถามที่ 1 ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ถ้ารัฐสภาร้องขอให้คณะรัฐมนตรีจัดทำออกเสียงประชามติก่อนที่จะมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ถามประชาชนคำถามที่หนึ่งว่า เห็นควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ต้องเป็นมติจากสภาไปด้วย ก็เลยต้องแจ้งพร้อมกันในวันที่ 12 ธ.ค.นั้น ถ้าทำตามนี้ระยะเวลาในห้วง 90 วัน จึงอยากให้รองนายกได้พิจารณา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
