วันนี้ (15 ต.ค.68) นี่คือสภาพบ้านของ นายทวี จันทร์ฉ่ำ อายุ 64 ปี ชาวบ้านหมู่ 12 ตำบลเกรียงไกร อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ในสภาพเอียงโย้ใกล้พังจากแรงน้ำท่วม จนต้องนำไม้ไผ่มาทำเป็นเสาค้ำยันนับร้อยต้นเพื่อประคองตัวบ้านไม่ให้ทรุดลง
นายทวี บอกว่า บ้านของตนเองนั้นปลูกด้วยเสาปูน จำนวน 6 ต้น และเริ่มได้รับความเสียหายตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 โครงสร้างบ้านเริ่มเอียงตั้งแต่นั้นมา แต่ด้วยความที่ตนเองสุขภาพไม่ค่อยดีต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ จึงมีความจำเป็นต้องซ่อมแซมและค้ำยันอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้สามารถอาศัยได้ต่อเนื่องมาทุกปี แม้จะต้องเผชิญความยากลำบากจากน้ำท่วมซ้ำซากก็ตาม โดยเฉพาะปีนี้ที่ระดับน้ำสูงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ตนเองไม่มั่นใจว่าจะอยู่ได้ตลอดฤดูน้ำหลากหรือไม่ ซึ่งในปีนี้พอน้ำมาบ้านก็โย้อีกต้องค้ำไม้เพิ่มเรื่อยๆ และอยู่ด้วยความหวังว่าน้ำจะลดเร็วๆ โดยหากผ่านพ้นฤดูน้ำหลากในปีนี้ก็จะทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่
สำหรับพื้นที่หมู่ 12 ตำบลเกรียงไกร อำเภอเมืองนครสวรรค์ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่รับน้ำจากทั้งแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน เมื่อถึงฤดูน้ำหลากจะเกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำทุกปีนานราว 1–2 เดือน
สำหรับ สถานการณ์น้ำของโครงการชลประทานนครสวรรค์ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568 สถานีวัดน้ำ P17 แม่น้ำปิง บ้านท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำ +35.18 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 286 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 16.25 % ของความจุลำน้ำ มากกว่าเมื่อวานนี้ 18 ลบ.ม./วินาที
ส่วนสถานีวัดน้ำ N67 ชุมแสง(แม่น้ำน่าน) วัดเกยไชยเหนือ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำ +27.89 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 1,323 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 91.24 % ของความจุลำน้ำ (เท่ากับเมื่อวาน) / ส่วนสถานีวัดน้ำ C2 เมืองนครสวรรค์(แม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำ +24.28 ม.รทก. มีอัตราน้ำไหลผ่าน 2,673 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 73.03 % ของความจุลำน้ำ มากกว่าเมื่อวาน 28 ลบ.ม./วินาที