โฆษกมท.กัมพูชา แจงคดีหนุ่มเกาหลี เสียชีวิต โวยชาติอื่นต้องร่วมจัดการอาชญากรรมออนไลน์ อย่าโยนภาระปราบสแกมเมอร์ฝ่ายเดียว
ข่าวที่น่าสนใจ
14 ตุลาคม 2568 กระทรวงมหาดไทย กัมพูชา ออกแถลงชี้แจงผลการสืบสวนคดีฆาตกรรมพลเมืองเกาหลีใต้
โดยทัช โสกฮัก โฆษกกระทรวงมหาดไทย กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้สาธารณชนต่างประเทศ สื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทราบว่า จากผลการสืบสวนและรายงานการปฏิบัติงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าขณะที่ตำรวจกำลังลาดตระเวน พบรถยนต์บรรทุกศพที่เมืองกัมปอต เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวจีน 2 รายทันที คนแรกชื่อ หลี่ ซิงเผิง หรือ โย่ว ฟู่ ชาย อายุ 35 ปี และ จู เหรินเจ๋อ หรือ เจีย เคอ อายุ 43 ปี โดย 1 รายเป็นผู้ขับขี่ และอีก 1 รายเป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 1 ราย คือ ปา เจีย ชาย อายุประมาณ 35 ปี ได้หลบหนีไป
หลังจากตรวจสอบหลักฐานแล้ว พบว่าศพคือ พัค มินโฮ ชายอายุ 22 ปี นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ เดินทางถึงกัมพูชาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิต เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายจากการถูกทรมาน มีรอยฟกช้ำหลายแห่งตามร่างกาย
ข้อเท็จจริงนี้บ่งชี้ว่าตำรวจกัมพูชาไม่ได้รับข้อมูลหรือคำร้องเรียนจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือจากสถานทูตเกาหลีใต้ ตามรายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ ซึ่งระบุว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตและตำรวจท้องถิ่น
จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย นำโดยผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดกัมปอต ได้ดำเนินการสืบสวนและบุกค้นบ้านพักแห่งหนึ่งในเมืองกัมปอต ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของผู้เสียชีวิตก่อนเสียชีวิต และพบว่าเป็นสถานที่ที่มีกิจกรรมออนไลน์ผิดกฎหมายเกิดขึ้น
ในการบุกค้นครั้งนี้ ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชายชื่อ หลิว เหาซิง หรือที่รู้จักในชื่อ ตา โถว อายุ 29 ปี ผู้จัดการอาคาร และยึดหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้บางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องสงสัยอีกรายหนึ่งชื่อ ไห่ ชายชาวจีน อายุประมาณ 30 ปี ได้หลบหนีไป
หลังจากรวบรวมหลักฐาน รับฟังคำให้การของผู้ต้องสงสัย และปฏิบัติหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแล้ว ตำรวจได้ส่งผู้ต้องสงสัยไปที่ศาลจังหวัดกัมปอตเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568 เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวน ตรวจสอบพยานหลักฐาน และรับฟังคำให้การของผู้ต้องสงสัยทั้งสามแล้ว อัยการจึงได้ตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยและผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสองคนในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนาอันโหดร้ายและฉ้อโกงโดยใช้เทคโนโลยี ตามมาตรา 205, 377 และ 378 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และส่งสำนวนคดีไปยังผู้พิพากษาศาลจังหวัดกำปง โดยผู้พิพากษาศาลจังหวัดกัมปอตมีคำสั่งควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้งสามคนไว้ที่เรือนจำจังหวัดกัมปอตเป็นการชั่วคราว
จนถึงปัจจุบัน ตำรวจยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการค้นหาและจับกุมผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 2 คน ตามขั้นตอนที่ประสานงานโดยหน่วยงานตุลาการ เพื่อบังคับใช้บทลงโทษอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายที่บังคับใช้
นอกจากนี้การสืบสวนยังขยายขอบเขตการค้นหาต้นตอของสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หากมี โดยร่วมมือกับสถานทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชาอย่างใกล้ชิดในทางกฎหมาย
โฆษกกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า กระทรวงมหาดไทยกำลังจัดทำหนังสืออย่างเป็นทางการพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำกัมพูชาเพื่อแจ้งให้ทราบ ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยยังได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเชิญผู้แทนจากสถานทูตเกาหลีใต้มารับฟังคำชี้แจงด้วยตนเอง และให้ข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมจากเอกสารอย่างเป็นทางการ
โฆษกกระทรวงมหาดไทย กัมพูชา อ้างอีกว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต มุ่งมั่นที่จะป้องกัน ควบคุม และปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภทและการฉ้อโกงทางเทคโนโลยี ซึ่งการต่อสู้กับอาชญากรรมประเภทนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกประเทศอย่างสอดประสานและเท่าเทียมกัน เช่น การรณรงค์ด้านการศึกษาที่แจ้งให้สาธารณชนทราบถึงอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้น ประเภทของอาชญากรรม กลอุบายที่อาชญากรใช้ และวิธีการป้องกันตนเอง แทนที่จะใช้อารมณ์หรือเอาเปรียบความทุกข์ยากของประชาชนด้วยการโยนภาระไปให้ประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งเป็นโอกาสให้อาชญากรก่ออาชญากรรมต่อไปได้อย่างง่ายดาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น