ทนไม่ไหว กสม.กัมพูชา ฟ้อง UN อีกแล้ว โวยไทยเปิดเสียงดังชายแดนบ้านหนองจาน ทำคนเขมรผวา ซ้ำยกคณะ IOT มาลงพื้นที่กลางดึก
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชา ทำหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ OHCHR เรื่อง การร้องขอเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้เสียงที่รบกวนเป็นรูปแบบหนึ่งของการข่มขู่และคุกคามทางจิตวิทยาตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยกองกำลังทหารไทย
โดยหนังสือของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา ระบุตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568 คณะกรรมการควบคุมและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้รับรายงานที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเปรยจันและโจกเจย ตำบลโอเบจฌอร์น อำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยระบุว่าหน่วยทหารของกองทัพไทยได้แพร่เสียงหลอนคล้ายเสียงผีคร่ำครวญผ่านลำโพงขนาดใหญ่ตั้งแต่เวลา 22:44 น. ถึง 00:04 น. ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์เครื่องบินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 03:22 น. ถึง 03:53 น. โดยจงใจส่งเสียงไปยังชาวบ้านชาวกัมพูชาในชุมชนใกล้เคียง โดยมีเจตนาที่จะรบกวนและสร้างความหวาดกลัว เสียงเหล่านี้ถูกอธิบายว่าเป็นเสียงแหลมสูงที่ดังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดการรบกวนการนอนหลับ ก่อให้เกิดความวิตกกังวล และทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกไม่สบายทางร่างกาย รวมถึงผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ การกระทำที่เป็นปรปักษ์และยั่วยุเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและใจของพลเรือนชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังคุกคามที่จะยกระดับความตึงเครียดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองอีกด้วย การกระทำเหล่านี้ไม่มีที่ยืนในสังคมที่มีอารยธรรมใดๆ และขัดแย้งโดยตรงกับหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยร่วมกันระหว่างประเทศต่างๆ
การกระทำดังกล่าวข้างต้นถือเป็นการละเมิดเจตนารมณ์อย่างร้ายแรงของข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 บันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนพิเศษ หรือ GBC 13 ประการระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568 และตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนหลายฉบับ
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น CHRC ขอเรียกร้องด้วยความนับถือจากท่านผู้ทรงเกียรติให้
1. เริ่มการสอบสวนทันทีเกี่ยวกับรายงานการใช้เสียงอันน่ารบกวนโดยกองทัพไทยตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย และให้แน่ใจว่ามีการรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
2. เรียกร้องให้ยุติการกระทำที่เป็นการข่มขู่ทางจิตใจต่อพลเรือนชาวกัมพูชา โดยเฉพาะการใช้เสียงดังโดยเจตนาในเวลากลางคืน
3. รับรองการคุ้มครองและให้การสนับสนุนทางการแพทย์และจิตวิทยาที่จำเป็นแก่บุคคลที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงสตรี เด็ก และผู้สูงอายุ
4. ส่งเสริมการเสริมสร้างการเจรจาข้ามพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ และยึดมั่นในเจตนารมณ์ของข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 และบันทึกการประชุม GBC สมัยพิเศษ 13 ประการที่ตกลงกันไว้
และขอเรียนเชิญสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ ณ พื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
นอกจากนี้ทางด้านพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เปิดเผยว่า เวลา 23.00 น.ของวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2568 กระทรวงกลาโหมแห่งกัมพูชาได้ประสานงานกับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT เพื่อตรวจสอบสถานที่จริงของหมู่บ้านโจกเจยและเปรยจัน ตำบลโอเบยชอน อำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันเตียเมียนเจย เพื่อสังเกตการณ์ ตรวจสอบ และรายงาน หลังจากได้รับแจ้งว่าลำโพงจากฝ่ายไทย ได้แพร่เสียงหลอนต่อพลเมืองกัมพูชา รวมถึงผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ ในคืนที่เงียบสงบ เสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงเสียงผี เสียงสุนัขเห่า เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น