เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 ต.ค.68 นางสาว เจ๊ะปารีดะ บือราเฮง อายุ 36 ปี เดินทางมาจากจ.นราธิวาส เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า สามีคือ อส.อ.ฮามี บือราเฮง อายุ 37 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลกะลุวอ (ชคต.กะลุวอ) ม.4 (บ้านกลูเเบสาลอ) ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 17 ก.ย.68 เวลา 04.30 น. ขณะที่สามีปฎิบัติหน้าที่เข้าเวรอยู่ที่ป้อมยาม ฐานชุดคุ้มครองตำบลกะลุวอ จ.นราธิวาส ก่อนเกิดเหตุเวลา 03.59 น. เพื่อนสามีที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในฐานเดียวกันไลน์มาบอกกับสามีว่า “ มึงอย่าลืมส่ง ” เวลา 04.14 น. เพื่อนสามีได้โทรไลน์มาหาสามี แต่สามีไม่ได้รับสาย เวลา 04.15 น. เพื่อสามีได้พิมพ์ไลน์มาอีกว่า “ มึงไม่ตั้งนาฬิกาวะ ” และเวลา 04.16 น. สามีจึงได้ตอบไลน์ไปว่า “ มึงมีอะไรกับกู ” เวลา 04.18 น. สามีได้ส่งรายงานในไลน์กลุ่ม อส. ต่อมาเวลา 06.31 น. มีการแจ้งรายงานในกลุ่ม อส. ว่าสามีได้ถูกอาวุธปืนยิงที่ด้านหลังศีรษะฝั่งซ้ายในระยะประชิด กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หัวหน้าชุดโทรฯ มาบอกตนให้รีบไปที่โรงพยาบาลและบอกว่า “ปืนลั่น” แพทย์ผ่าตัดเอากระสุนออก แต่ยังมีเศษกระสุนอยู่จุดสำคัญในศีรษะที่เอาออกไม่ได้ ตอนนี้ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU ผ่านมา 24 วันแล้ว สามีได้แต่นอนลืมตาไม่รับรู้หรือตอบสนอง หายใจเองไม่ได้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ร่างกายซีกขวาเคลื่อนไหวไม่ได้ แพทย์ให้ทำใจหากอาการดีขึ้นแต่ก็จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตนและครอบครัวติดใจสงสัยสาเหตุว่าจะเกิดจากปืนลั่นจริงหรือไม่ เพราะเพื่อนที่เป็นคู่เวรอยู่บนหอสูงใกล้กัน บอกว่าสามีอยู่ในป้อมยามด้านหน้าคนเดียวพร้อมอาวุธปืนอาก้า (AK) ประจำกายกระบอกเดียว ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจึงรีบมาดูพบว่าสามีถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมถึงถูกยิงจากด้านหลัง