ได้จ็อบใหม่ “อธิบดีราชทัณฑ์” ขอ “ทักษิณ” ช่วยสอนภาษาอังกฤษ ผู้ต้องขังสูงอายุในเรือนจำ
ข่าวที่น่าสนใจ
10 ต.ค.2568 พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธาน ในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมราชทัณฑ์ ประจำปี 2568 ครบรอบ 110 ปี ที่ห้องประชุมสัมมนา กรมราชทัณฑ์ จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกรมราชทัณฑ์ และมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณ ประจำปีงบประมาณ 2568 แก่ผู้ทำคุณประโยชน์
โดยพันตำรวจโท ประวุธ กล่าวว่า เรายังคงย้ำภารกิจการควบคุม และแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัย เพื่อยกระดับงานราชทัณฑ์สู่การควบคุมดูแลผู้ต้องราชทัณฑ์ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล เพื่อคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก โดยน้อมนำโครงการพระราชดำริเสริมสร้างอาชีพให้ผู้ต้องขังมีงานทำ เมื่อออกจากเรือนจำไปแล้วจะได้ดำเนินชีวิตได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก ปัจจุบันคดีความผิดของผู้ต้องขังที่พบมากที่สุดยังคงเป็นคดียาเสพติด และสถิติการกระทำความผิดซ้ำของผู้ต้องขังยังไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กรมราชทัณฑ์ต้องแก้ไข
เมื่อสอบถามถึงกรณีการคุมขังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีแผนฝึกอบรม หรือให้ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ ตามที่นางสาว แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ เคยให้สัมภาษณ์ ว่าบิดาอยากช่วยคุมการลอกท่อหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า นายทักษิณ เป็นผู้ต้องขังสูงอายุ คงไม่ทำแรงงาน จึงอยากให้นายทักษิณ ไปช่วยเหลือด้านการศึกษา เช่น เป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษให้ผู้ต้องขังในเรือนจำมากกว่า แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเริ่มเมื่อใด ต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์เรือนจำ ส่วนการยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ครั้งที่ 2 ของนายทักษิณนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่าเป็นไปตามขั้นตอน
สำหรับกรณีการเข้าเกณฑ์ผู้ต้องขังที่จะได้รับการพักการลงโทษนั้น รายงานข่าวภายในกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ผู้ต้องขังทั่วไปจะต้องรับโทษมาไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แต่หากเป็นผู้ต้องขังอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป ระเบียบกำหนดต้องรับโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือไม่น้อยกว่า 6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อคำนวนโทษออกมาแล้ว เงื่อนใดมีโทษมากกว่ากัน โดยให้ยึดตามโทษที่มากกว่า ผู้เข้าหลักเกณฑ์จึงจะยื่นขอรับการพักโทษได้ จากนั้นกรมราชทัณฑ์ก็จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ซึ่งจะมีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง โดยหลักเกณฑ์นี้เป็นระเบียบที่ใช้กับผู้ต้องขังทุกราย
ส่วนกรณีของนายทักษิณนั้น กรมราชทัณฑ์เน้นดูแลใน 2 เรื่อง คือ ดูแลสุขภาพ ยารักษาโรคตามที่มีประวัติความเจ็บป่วย ส่วนอีกเรื่อง คือ เรื่องความปลอดภัย และการป้องกันความขัดแย้งทางการเมืองภายในเรือนจำ เนื่องจากภายในเรือนจำกลางคลองเปรม มีผู้ต้องขังที่มีความเห็นทางการเมืองหลากหลาย จึงต้องมีการแยกแดน เพื่อลดการเผชิญหน้าของผู้ต้องขังแต่ละกลุ่ม ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อนในเรือนจำ ขณะที่ประเด็นการให้ไปบำเพ็ญประโยชน์นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขัง หากทำได้เรือนจำฯ ก็พร้อมสนับสนุน
ส่วนการยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ครั้งที่ 2 ต้องเป็นนักโทษประหารชีวิตหรือไม่นั้น รายงานข่าวภายในกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า ไม่จำเป็น เนื่องจากการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย เป็นสิทธิของผู้ต้องขังทุกคน โดยในชั้นเรือนจำฯ และกรมราชทัณฑ์ จะทำหน้าที่ตรวจสอบเอกสารว่าครบถ้วนหรือไม่ โดยเป็นพระราชอำนาจวินิจฉัย ต้องส่งไปตามขั้นตอน ยกตัวอย่างกรณี นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ เคยถูกตัดสินประหารชีวิต ก็ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แต่หากฎีกาถูกยก คือไม่ลดโทษให้ ดังนั้น อีก 2 ปี จึงขอยื่นได้ใหม่อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น