6 ตุลาคม 2568 พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาพื้นที่บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ นายจิระเดช บุญมาก หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ให้การต้อนรับ การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อนถึงการนำหลักการทรงงานของราชการที่ 9 “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยคณะได้รับฟังความก้าวหน้าใน 7 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย แผนแม่บทการพัฒนา การวางแผนระยะยาวเพื่อพลิกฟื้นบึงบอระเพ็ด การบริหารจัดการพื้นที่เช่าเพื่อส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้กับชุมชน การบริหารจัดการน้ำเพื่อกำหนดเกณฑ์ระดับน้ำและการก่อสร้างประตูระบายน้ำ การบริหารจัดการสัตว์น้ำเพื่อการเก็บข้อมูลและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำในบึง การวางผังเมืองที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ และการบริหารจัดการพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้โครงการ “นาเปียกสลับแห้ง” การดำเนินงานทั้งหมดเน้นการ “เข้าใจ” บริบทและความต้องการของชุมชนท้องถิ่น “เข้าถึง” พื้นที่และประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อนำไปสู่การ “พัฒนา” ที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ โดยทุกประเด็นเน้นการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานความคืบหน้าของการบริหารจัดการพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ซึ่งในพื้นที่มีราษฎรในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ภายใต้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ตามมาตรา 121 จำนวน 1,703 แปลง 1,302 ราย 22,032.2325 ไร่
ราชเลขานุการฯ – นายกฯ ลงพื้นที่บึงบอระเพ็ด ขับเคลื่อนฟื้นฟูบึงน้ำจืดใหญ่ที่สุดของไทย สืบสานพระราชปณิธาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ “สืบสาน รักษา ต่อยอด”
- เผยแพร่ : 06/10/2025 18:05

กดติดตาม TOP NEWS
โดยกรมอุทยานฯ ได้นำหลักการทรงงานของราชการที่ 10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด” มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการและสร้างการมีส่วนร่วมภายใต้ “โครงการนาเปียกสลับแห้ง” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่ “สืบสาน” พระราชปณิธานในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ “รักษา” ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ และ “ต่อยอด” ด้วยนวัตกรรมการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงการดังกล่าวให้ผลลัพธ์เชิงบวกอย่างชัดเจน สามารถลดการใช้น้ำลงถึง 32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้ 1,420 บาทต่อไร่ ทำให้มีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โครงการนาเปียกสลับแห้งเป็นการปรับวิถีการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีแปลงนำร่อง 100 ไร่ ใน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลวางมหากร 50 ไร่ และตำบลทับกฤช 50 ไร่ ทำให้การใช้น้ำลดลง มีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการลดต้นทุนผลิต เพื่อสนับสนุนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ดได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม 5 ล้านบาท สำหรับโครงการส่งเสริมการปรับวิถีการเกษตรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนงานสำคัญในไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2568 ได้แก่ การจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรเรื่องการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำและเทคนิคการทำนาเปียกสลับแห้ง การสนับสนุนการทำนาข้าวคาร์บอนต่ำด้วยการจัดซื้อรถแทรกเตอร์พร้อมอุปกรณ์ปรับระดับหน้าดิน
นอกจากนี้ ได้มีการอนุมัติงบประมาณ 827,000 บาท เพื่อก่อสร้างห้องน้ำและห้องสุขาสำหรับนักท่องเที่ยวบริเวณจุดสกัดรางจิก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ภายหลังการประชุม คณะได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดก่อสร้างประตูระบายน้ำวัดช่องแกระ และรับฟังการบรรยายสรุปจากผู้แทนโครงการชลประทานนครสวรรค์และกรมประมง พร้อมเยี่ยมชมจุดปรับปรุงภูมิทัศน์และรับฟังแนวทางการทำ “นาเปียกสลับแห้ง”
จากนั้นเดินทางไปยังท่าน้ำบริการนักท่องเที่ยวบริเวณอาคารศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด (ตึกเขียว) ตำบลแควใหญ่ และรับฟังบรรยายเรื่องสภาพภูมิประเทศ แผนพัฒนาบึงบอระเพ็ด และเส้นทางปั่นจักรยาน โดยหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด และผู้แทนสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนครสวรรค์
สุดท้ายเดินทางไปยังประตูระบายน้ำปากคลองบอระเพ็ด ตำบลเกรียงไกร เพื่อรับฟังบรรยายการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมโดยผู้แทนโครงการชลประทานนครสวรรค์และสำนักงานประมงจังหวัดนครสวรรค์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า บึงบอระเพ็ดมีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ถือเป็นบึงน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด มีเนื้อที่ประมาณ 66,250 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ติดต่อ 3 อำเภอ 9 ตำบล โดยบริเวณสันฝายเก่าบึงบอระเพ็ด ในช่วงอุทกภัย ทำให้สันฝายมีน้ำล้นออกไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ จึงจัดตั้งโครงการปรับปรุงทำนบดินเหนือฝายบางปองพร้อมอาคารประกอบ พร้อมทั้งหาพื้นที่ขุดแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ไม่ต้องพึ่งน้ำในบึงบอระเพ็ด อีกทั้งยังนำดินจากการขุดแก้มลิงมาสร้างถนนและเลนจักรยานรอบพื้นที่บึง เพื่อสร้างแนวเขตและป้องกันการบุกรุก มีโครงการการปรับวิถีการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ดให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ตำบลรอบๆ ทำนาเปียกสลับแห้ง และการทำปุ๋ยจากวัชพืชน้ำ โครงการทั้งหมดนี้จัดทำขึ้นตามแผนแม่บท 6 ประเด็นหลัก เพื่อฟื้นฟูและสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงปรารถนาให้บึงบอระเพ็ดเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทรงงาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” อย่างแท้จริง
โดยแผนแม่บทนี้เน้นบูรณาการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนทั้ง 7 ภาคี ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน ผู้นำศาสนา วิชาการ ประชาชน ประชาสังคม และสื่อมวลชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันการบุกรุก การจัดการระบบนิเวศ และการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสานต่อโครงการต่างๆ ภายใต้หลักการทรงงาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” เพื่อให้บึงบอระเพ็ดกลับมาเป็นแหล่งน้ำสำคัญของประเทศและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป อันเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลและสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างสมพระเกียรติ.
วุฒิเดช ก้อนทองคำ TOPNEWSทั่วไทย ภาคตะวันตก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง