“ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช. สอบ “ไชยชนก” ปมไม่แจ้งความเอาผิดคนเสนอสินบน 40 ล้านบาท

“ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช. สอบ "ไชยชนก" ปมไม่แจ้งความเอาผิดคนเสนอสินบน 40 ล้านบาท

วันนี้ ( 3 ต.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและชี้มูล นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กรณีที่นายไชยชนกเปิดเผยกลางรัฐสภา ว่าถูกเสนอเงิน 40 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ผิดกฎหมาย แต่กลับไม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสนอสินบนดังกล่าว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายศรีสุวรรณ ตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำของนายไชยชนกที่ทราบถึงการกระทำอันเป็นการให้สินบนเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย อาจเข้าข่ายการ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29-30 กันยายน 2568 โดยในการอภิปรายชี้แจง นายไชยชนก ชิดชอบ ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงและกล่าวในตอนหนึ่งว่า ยังไม่ทันเข้าตำแหน่ง มีคนติดต่อมาหาผม ผ่านเพื่อนสมาชิก เสนอที่จะมอบเงินให้ผมเดือนละ 40 ล้านเพื่อไม่ให้จับเรื่องคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ ซึ่งคำกล่าวนี้ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีนี้ถือได้ว่าการติดสินบนเจ้าหน้าที่ เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 นายไชยชนก ในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและว่าที่รัฐมนตรีดีอีในขณะนั้น ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ย่อมต้องทราบข้อมูลว่าผู้ที่ติดต่อผ่านเพื่อนสมาชิกมาเสนอสินบนเป็นใคร แต่กลับไม่มีการดำเนินการ แจ้งความเอาผิดบุคคลดังกล่าว ตามครรลองของกฎหมายโดยทันที

สำหรับกรณีที่นายไชยชนก ชี้แจงว่าได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงดีอี เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดตามกฎหมายนั้น นายศรีสุวรรณ เห็นว่า การสั่งการเช่นนี้เป็นคนละเรื่องกัน เพราะปลัดกระทรวงดีอีเป็นเพียงข้าราชการประจำ และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรี จะไปล่วงรู้หรือตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดบุคคลภายนอกที่ติดต่อผ่านเพื่อนสมาชิกของรัฐมนตรีมาได้อย่างไร โดยตั้งคำถามว่า การสั่งการลักษณะนี้เป็นการแก้เกี้ยว หรือมวยล้มต้มคนดูหรือไม่

 

 

นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวว่า หากนายไชยชนกไม่เร่งแจ้งความและให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยตนเอง อาจเข้าข่ายเป็นการ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 ซึ่งหาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกา โทษที่ได้รับอาจรุนแรงถึงขั้นถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดอีกในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ปลัด อว.ลุยพื้นที่โคราช “ห้วยแถลง - จักราช” ดันงานวิจัยติดดิน ช่วยชาวบ้านกินได้จริง ชู มทส. มรภ.โคราช มทร.อีสาน ผนึกกำลัง ปั้นโคราชสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมอีสานล่าง
คอนเฟิร์ม “โจ จิรพิสิษฐ์” เลขา มาดามหน่อย ลงชิง สส.โคราช เขต 1 ทีมเพื่อไทย คนนี้ของแท้ หล่อ เก่ง หน่วยก้านดี ดีกรีผู้สร้างกางเกงแมว โคราช
“อนุทิน” สวนกลับ “สุทธิชัย หยุ่น” สรุปเองไม่ตรวจสอบข่าว กล่าวหาพูดไม่ตรงกัน ปมคุย “ทรัมป์”
นับเป็นวันที่ 8 ของการปะทะ แนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งในรอบบ่ายของวันนี้นักรบแนวหน้ามีบาดเจ็บอีก 8 ราย
สดุดีทหารกล้า "จ.ส.อ.กฤษฎา หาญสุโพธิ์" นายสิบพยาบาลประจำ พัน.ร.11 พลีชีพรายที่ 17 ระะหว่างปฏิบัติหน้าที่ สนามรบชายแดนบุรีรัมย์
สุพรรณบุรี///ตีเนียนส่องกบ! พ่อค้ายาบ้าสุพรรณฯเปิดไฟส่องกบ พบตำรวจเร่งหนีหมดปลอก ไม่รอดโดนรวบคาไร่มัน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​