“นายกฯอนุทิน” มอบนโยบาย “สตช.” หยอดหวาน “ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าลูกเขยตำรวจ” พร้อมหนุนทุกภารกิจตร. ย้ำสำคัญต้องพิทักษ์ ปกป้องสถาบันฯ

"นายกฯอนุทิน" มอบนโยบาย "สตช." หยอดหวาน "ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าลูกเขยตำรวจ" พร้อมหนุนทุกภารกิจตร. ย้ำสำคัญต้องพิทักษ์ ปกป้องสถาบันฯ

“นายกฯอนุทิน” มอบนโยบาย “สตช.” หยอดหวาน “ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าลูกเขยตำรวจ” พร้อมหนุนทุกภารกิจตร. ย้ำสำคัญต้องพิทักษ์ ปกป้องสถาบันฯ

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกหน่วย โดยมีพลตำรวจเอก พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหาร และข้าราชการตำรวจในสังกัด สตช. ให้การต้อนรับ

 

 

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีที่มาพบทุกท่านที่นี่ ก็รู้สึกแปลกแปลกๆ เพราะไม่ค่อยมีแบบนี้ ตนนั่งเกร็งมาตลอดจนลงจากรถ และ ”พี่ต่าย“ (พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์) ก็มากล่าวรายงาน ที่จริงแล้วพวกเราทุกคนในห้องนี้มั่นใจว่าทุกคนมีความเป็นพี่น้องมากกว่าผู้บังคับบัญชา จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ เพราะว่าคำว่าพี่น้องสำคัญกว่าและมากกว่าร้อยละ 80 ของทุกคนในห้องนี้ เรามีความผูกพันธ์ มีความสัมพันธ์กันนับทศวรรษ บางท่านเห็นผมวิ่งอยู่หน้าห้องสำนักงานพลตำรวจเอกสนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ซึ่งเป็นพ่อตาของตน เคยวิ่งอยู่หน้าสำนักงานพลตำรวจเอกธวัชชัย ภัยลี้ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตรงนั้นทำให้ตนได้พบกับพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ และก็เห็นผมนั่งเล่นอยู่สำนักงานพลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ ทำให้ตนได้รู้จักหลายหลายท่านในที่นี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ถือว่าเป็นการมาพบกันเป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับเชิญมาให้มามอบนโยบายกับข้าราชการตำรวจ และผู้นำหน่วยหรือเทียบเท่า ตั้งแต่ระดับผู้บังคับการ หรือเทียบเท่าขึ้นไป รวมไปถึงระดับนายพล

 

ทั้งนี้เมื่อพูดถึงอาชีพตำรวจ ตนตระหนักดีว่าทุกคนอยู่ในอาชีพที่หนัก ตนเคยเห็นการทำงานที่คนอื่นไปเที่ยวในวันหยุดเทศกาลแต่ตำรวจต้องอยู่เฝ้าพื้นที่ให้กับประชาชน ทุกคนต้องทำงานภายใต้การกดดัน นอนไม่เป็นเวลา และบริหารจัดการส่วนตัวได้ยากและต้องอยู่ท่ามกลางภัยอันตรายต่างๆท่ามกลางความคาดหวังจากสังคมที่สูงมาก

 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตำรวจสำหรับสายตาของตนที่ถูกบ่มเพาะตำรวจเป็นที่พึ่งพา ตนเป็นเด็กที่อาม่าเลี้ยง เวลาร้องไห้ก็บอกว่าเดี๋ยวตำรวจจับ ดื้อก็เดี๋ยวตำรวจจับ  ไม่ทำตามคำสั่งก็ตำรวจจับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเอาไปให้ตำรวจอยู่เสมอ  สุดท้ายเลยต้องเป็นลูกเขยตำรวจ แต่ทำให้ตนบ่มเพาะนิสัยที่เชื่อมั่นในเรื่องของวินัย และในเรื่องของความทุ่มเทเสียสละของตำรวจในเรื่องของความคิดและในเรื่องของการเป็นที่พึ่งของประชาชน

ดังนั้นในเมื่อทุกคนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และดูแลประชาชนให้กับรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่วันนี้ต้องถือว่าบุญพาวาสนาส่งให้มาเป็นหัวหน้ารัฐบาลและความสัมพันธ์ของตนกับทุกคนเหนือกว่าคำว่ามิตรภาพ ตนพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของการดูแลทรัพยากรบุคคลให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของการเจริญเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ  สวัสดิการ และการดูแลสุขภาพใจของข้าราชการตำรวจทุกนาย ไม่ใช่เฉพาะตำรวจในห้องนี้ แต่รวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในบังคับบัญชาทั่วประเทศ เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้พี่น้องตำรวจมีความพร้อมในการดูแลประชาชน

เรื่องการทำงาน ตนได้มีโอกาสเรียนร่วมกับหลายท่านในห้องนี้ที่เรียกว่าหลักสูตรรวมมิตร หลักสูตรนี้ทำให้ตนได้เห็นความสามารถของผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางราชการ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ ทหาร หรือข้าราชการพลเรือนเท่านั้น ในหลักสูตรที่ตนมีความใกล้ชิดกับตำรวจ ตนได้เห็นความรู้ความสามารถของตำรวจ ทำให้ความรู้สึกของตนต่อข้าราชการตำรวจมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ได้เห็นถึงแนวความคิด การปฎิบัติ ยุทธศาสตร์ที่ท่านทั้งหลายได้พูดคุยกับตน ในช่วงที่ตนเข้ารับการอบรม

หลังจากนั้นก็มีโอกาสทำงานร่วมกันในหลายภารกิจ เมื่อตนได้เข้ามาร่วมรัฐบาลดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในสมัยแรก ตนก็ได้กำกับดูแลทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนั้นมีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตนและตำรวจได้ทำงานร่วมกันอย่างหนัก เพื่อแสวงหาความร่วมมือกัน ทั้งการให้การดูแล ให้ความปลอดภัย และการป้องกันความไม่สงบ จากความกดดัน ความเครียดของประชาชน

 

สิ่งที่ที่ตนยังต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และทุ่มเททุกสรรพกำลังที่มีอยู่ คือเรื่องยาเสพติด ตนไม่อยากให้หัวหน้ารัฐบาลท่านใดเข้ามาแล้วมาพูดว่ายาเสพติดเป็นภัยลำดับแรก เป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องมีหมู่บ้านสีขาว ต้องเอกซเรย์ ซึ่งทุกท่านจะได้ฟังคำนี้จากหัวหน้ารัฐบาลทุกคนที่มาพบ ตนอยากให้หัวหน้ารัฐบาลไม่ว่าคนไหนที่จะมาต่อจากตน เมื่อมาพูดเรื่องนี้กับตำรวจผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สามารถลุกขึ้นยืนและตอบแทนตำรวจทุกคนได้ว่าปัญหาเรื่องนี้ได้จัดการไปเรียบร้อยแล้ว ปัญหายาเสพติดถือว่าเป็นภัย แต่เป็นภัยที่ตำรวจควบคุมได้ปัญหาการพนันออนไลน์ ปัญหาอาชญากรข้ามชาติ การค้ามนุษย์การหลอกลวงประชาชน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ล้วนเป็นภัยคุกคามตลอดชีวิตของประชาชน ยิ่งปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ชีวิตของพวกเราสบายขึ้นหรือไม่ ชีวิตพวกเรากลับยิ่งเครียดขึ้นเป็นลำดับ เกิดเรื่องนี้เมื่อไหร่ตำรวจโดนก่อนมหาดไทยแน่นอน ว่าทำไมตำรวจไม่จับไม่ดำเนินการ แล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เป็นปัญหากับขวัญและกำลังใจต่อไปเมื่อมีการตรวจจับก็มีการโยกย้าย เด้งไปช่วยราชการ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นปัจจัยบวกให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากการลงโทษกัน สู้เราสร้างกลไกที่เป็นระดับสากล ใครเข้ามาก็ปฏิบัติตามกลไกนี้ และเชื่อว่าเป็นกลไกที่สามารถป้องกันป้องปรามภัยอาชญากรรมต่างๆได้ในระดับที่เป็นภัยคุกคามสูงสุด ของประเทศ การไล่ปรับปรามเคสเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่เป็นภัยที่สามารถทำลายประเทศ และพี่น้องประชาชนให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลได้

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เรื่องของการสนับสนุนขอให้สัตยาบันกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า นอกจาก ภารกิจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ตนไม่ยอมตั้งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพราะตนอยากทำงานกับตำรวจโดยตรง เชื่อว่าในยุคที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และยุคที่พวกพี่ๆทุกคนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าตน ไม่มีใครมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตำรวจ ที่ใกล้ชิดกับตำรวจมากเท่าตน ตนจึงขอกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองด้วยความภาคภูมิใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตนจะได้รับการตอบสนองที่เท่าเทียมกันกับพี่ ๆ ทั้งหลาย

การสัมมนากับผู้ที่เป็นระดับผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ละท่านยศตั้งแต่พันตำรวจตรีขึ้นไปซึ่งสำหรับตนถือว่าเป็นนายพลทั้งนั้นเป็นนายพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องไม่เป็นนายพลที่มีเรี่ยราดทั่วไป ในยุคที่มีผู้นำที่เข้มแข็งตั้งแต่ผบ.ตร. รองผบ. ผู้ช่วยผบ.เป็นที่พึ่งของลูกน้อง และประชาชน เป็นกำลังสำคัญของประเทศ แล้วเรามีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ และตนเองจะมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข จะไม่มีช่วงไหนที่เราจะสามารถทำงานบูรณาการความร่วมมือร่วมกัน ทั้งฝ่ายปกครองฝ่ายตำรวจที่จะบันดาลความสันติสุขทั้งหลายให้เกิดขึ้นกับประชาชนและกับประเทศของเรา

 

ขอให้ทุกคนบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมเพื่อให้องค์กรของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่ดำรงเป็นหลักนิติรัฐของประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชนในฐานะที่มองว่าเราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และในเรื่องของการสนับสนุนตนขอให้พวกเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและไว้ใจ และมองประโยชน์ของประเทศไทยของประชาชนเป็นหลัก และที่สำคัญที่สุดพวกเราต้องร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพวกเรา ต้องไม่ให้ใครมาทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทำความเสื่อมเสีย ว่ากล่าวให้ร้ายสถาบันสูงสุดของเรา

 

 

ซึ่งนี่คือภารกิจหลักอย่างหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ว่าท่านจะมีเครื่องหมาย ว.ป.ร. อยู่บนบ่าของท่านหรือไม่ แต่ยศของท่านตั้งแต่เป็นนายตำรวจ ยศแรกได้รับการพระราชทาน ซึ่งยศนี้เป็นของพระองค์ท่านซึ่งเรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราด้วยชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นฤมล" ประชุมคุรุสภา เห็นชอบปรับเกณฑ์ทดสอบ สมรรถนะวิชาชีพครู พร้อมปรับมาตรฐานประเมินนักเรียน มองสำคัญศักยภาพรายบุคคล
น่าน จัดอบรม “เชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจ–การตลาด
ทหารพรานที่ 36 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย ช่วยภัยน้ำท่วม อ.แม่สะเรียง
จีนมีพิธีเชิญธงชาติสู่ยอดเสาฉลองวันชาติ 76 ปี
สหรัฐ “ชัตดาวน์” หลังการโหวตงบประมาณไม่ผ่าน
"นายกฯอนุทิน" มอบนโยบาย "สตช." หยอดหวาน "ไม่มีใครรู้จักตำรวจดีเท่าลูกเขยตำรวจ" พร้อมหนุนทุกภารกิจตร. ย้ำสำคัญต้องพิทักษ์ ปกป้องสถาบันฯ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​