กทม. ฉีดวัคซีนเด็กมัธยมปลายแล้ว 87%

“ปลัดกทม.” เผยฉีดวัคซีนเด็กมัธยมปลายแล้ว 87% วาง 15 มาตรการรองรับเปิดเรียนรูปแบบปกติ

วันนี้ นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนที่มีอายุ 12-18 ปี ในโรงเรียนสังกัด กทม. และสังกัดอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดย กทม.ได้สำรวจความประสงค์ในการรับวัคซีน พบว่ามีนักเรียนประสงค์รับวัคซีนจำนวน 33,048 คน จากทั้งหมด 37,466 คน คิดเป็นร้อยละ 88 โดยที่ประสงค์รับวัคซีน จำแนกเป็น มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 3,796 คน ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม จำนวน 3,284 คน คิดเป็นร้อยละ 87 สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 29,252 คน มีแผนจะฉีดวัคซีนในวันที่ 18, 19, 20 ตุลาคมนี้ เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนต่อไป ส่วนบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะดำเนินการให้ได้รับวัคซีนครบถ้วน โดยใช้สูตรวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 และวัคซีนแอสตราเซนเนกา เข็มที่ 2 ระยะห่าง 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักการศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการจัดสรรและกระจายวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่โรงเรียนสถาบันการศึกษา พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนในโรงเรียน เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีน รวมทั้งเน้นย้ำวิธีปฏิบัติตนหลังการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการงดออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากๆ ในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

ปลัดกรุงเทพมหานคร ยังเปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการเปิดการเรียนการสอนแบบ On-site ในโรงเรียนสังกัด กทม. ระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษาในภาคเรียนที่ 2/2564 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาและมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล Universal Prevention โดยจะดำเนินการทั้งหมด 15 มาตรการ อาทิ 1.สร้างความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงเรียน อาทิ ครู ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา ในการจัดพื้นที่การเรียนการสอนแบบ On-Site หรือแบบไป-กลับ และวิธีจัดการเรียนการสอน เช่น สลับชั้นเรียน สลับเวลาเรียน 2.เตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ วัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน 3. นักเรียน ครู และบุคลากรต้องตรวจ ATK วันแรกของการเปิดเรียน และมีการสุ่มตรวจเฝ้าระวัง 4.สุ่มตรวจ ATK นักเรียน ครู บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เพื่อเฝ้าระวังอย่างน้อยร้อยละ 10-20 จำนวน 2 ครั้งสัปดาห์ 5.กรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น แจ้งผู้ปกครอง และโทรแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือโทรแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรค และ6.สถานประกอบกิจการ/กิจกรรม รอบรั้วสถานศึกษาในระยะ 10 เมตร ต้องผ่านการประเมิน

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น "กรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ" พระราชทานสายรัดห้ามเลือด 900 ชุด แก่ทหารกล้าชายแดนเป็นการเร่งด่วน
"กองทัพไทย" แฉ "กัมพูชา" ละเมิดข้อตกลงอีกแล้ว ส่งโดรน 20 ลำ บินล้ำเขตไทย เปิดคลิปประจานโลก ทหารเขมรแอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่ของเก่ายุคอดีตแน่นอน
"อุตุฯ" เตือน 40 จังหวัด ฝนตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก กทม.โดนด้วย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) โคมไฟ 'สัตว์แปลกตำนานจีน' หนุนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสองชาติ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนมุ่งสร้างนวัตกรรม-ใช้งาน 'หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์' เชิงพาณิชย์
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ชาวฉงชิ่ง 'กินหม้อไฟ-เล่นไพ่นกกระจอก' กลางน้ำ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​