“ทส.” รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง รณรงค์สร้างจิตสำนึกเห็นคุณค่าความสำคัญ

"ทส." รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง รณรงค์สร้างจิตสำนึกเห็นคุณค่าความสำคัญ

​วันที่ 25 กันยายน 2568 ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ทส.รวมใจ อนุรักษ์แม่น้ำ คู คลอง” เนื่องในวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ ณ วัดลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร เพื่อรณรงค์และเสริมสร้างจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนเกิดความตระหนัก เห็นคุณค่าและความสำคัญของแม่น้ำ คู คลอง และเข้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง ในพื้นที่ของตนเอง เนื่องในสัปดาห์วันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง แห่งชาติ วันที่ 20 กันยายนของทุกปี โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ กรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และเครือข่าย ทสม. รวมกว่า 200 คน

ข่าวที่น่าสนใจ

​ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “น้ำ” คือ ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญในหลายมิติ ทั้งด้านการพัฒนาประเทศ การคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ รวมถึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของพวกเราทุกคนที่ต้องใช้น้ำสำหรับการอุปโภคและบริโภค ดังนั้น หากแหล่งน้ำเน่าเสีย ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและวิถีชีวิต ยังเป็นแหล่งหนึ่งในการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้

 

 

​กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของการใช้ประโยชน์ และการดูแลรักษาคุณภาพน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ และได้บรรจุไว้ในแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ หรือแผน NAP ในสาขาการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยหน่วยงานภาครัฐมีหน้าที่กำหนดนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการบริหารจัดการน้ำ

 

 

 

ขณะเดียวกันในส่วนของชุมชน ซึ่งมีการนำแผนไปปฏิบัติตามบริบทของตนเอง เช่น ธนาคารน้ำใต้ดิน แก้มลิงชุมชน การสร้างเครือข่ายอนุรักษ์น้ำ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของความร่วมมือดังกล่าวจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เยาวชน และภาคประชาสังคม ที่ต่างมีบทบาทในการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำร่วมกัน โดยเฉพาะ พี่น้อง ทสม. และภาคีเครือข่าย ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะผู้ใช้ประโยชน์จากน้ำ และยังเป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาแหล่งน้ำในชุมชนของตนเอง รวมถึงการเป็นกระบอกเสียงในการสื่อสารและสร้างการรับรู้สู่ชุมชน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สุดท้าย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการขยายผลความร่วมมือในการอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ คู คลอง ทั่วประเทศต่อไป

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สิริพงศ์" ชี้โอกาสสูง "นายกฯ" ตัดสินใจยุบสภาฯ ถ้า "เพื่อไทย" แค่หวังผลการเมือง ยื่นซักฟอกตามมาตรา 151 ย้ำรัฐบาลทำเต็มที่แก้ปัญหาน้ำท่วม
สาวศรีราชา ยกเครื่องดื่ม 9 ลัง เซ่นไหว้ กุมารโข่ง หลังถูกรางวัลที่ 5 จำนวน 3 ใบ
เร่งเกมบีบ "สุทิน" แย้มเพื่อไทยจ่อร้องศาลรธน.เอาผิดจริยธรรมรมต. รวมชื่อ "อนุทิน" รอประเมินยื่นซักฟอก ควบคู่ถกร่างแก้รัฐธรรมนูญ
ผู้ว่าฯชลบุรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ไม่นิ่งนอนใจความเดือดร้อน สั่งการเร่งบรรเทาผลกระทบประชาชน
เที่ยวตราดโตไม่หยุด ต่างชาติเข้าตราดร้อยละ 95 ระบุไทยชอบเที่ยวหนาว นายกสมาคมโรงแรมฯ ระบุต่างชาติชอบเที่ยวข้ามเกาะวอนภาครัฐหนุน ปชส.
สถานการณ์น้ำท่วมเทศบาลนครหาดใหญ่เริ่มคลี่คลาย “ครัวคนคอน” ปิดโรงครัว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​