วันนี้ (24 ก.ย. 68) ที่ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) จ.เชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้เรียกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือ เพื่อติดตามสถานการณ์ รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือและวางแผนในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “รากาซา” ตามแผนการเผชิญเหตุอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 25-27 กันยายน 2568 นี้ โดยมี นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดยในที่ประชุม ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้รายงานสถานการณ์ว่า ขณะนี้พายุ “รากาซา” มีสถานะเป็นพายุไต้ฝุ่น และจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกก่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศจีน และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน โดยพายุลูกนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่อาจส่งผลให้ช่วงวันที่ 25-27 กันยายน ในพื้นที่ภาคเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในคืนวันที่ 25 กันยายน นี้ ภาคเหนือตอนบนจะมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ตกหนักถึงหนักมาก จากนั้นในวันที่ 26-27 กันยายน จะมีฝนตกหนักมากในบางพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่
ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอำเภอโซนเหนือตั้งแต่อำเภอเชียงดาวขึ้นไป เนื่องจากขณะนี้น้ำต้นทุนบนภูเขามีปริมาณมาก นอกจากนี้แล้วยังคาดว่า ในช่วงวันที่ 30 กันยายน-1 ตุลาคม ฝนจะกลับมาตกมากขึ้นอีกครั้ง โดยจะเป็นฝนระลอกสุดท้ายก่อนที่มวลอากาศเย็นจะเข้ามา และจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งฝนห้วงดังกล่าวจะเป็นอิทธิพลจาก “พายุบัวลอย” เบื้องต้น เส้นทางพายุลูกนี้อาจไม่ส่งผลกับจังหวัดเชียงใหม่มากนัก แต่ยังคงต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำหรับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ยังมีพื้นที่ความจุที่เหลือเพียงพอต่อการรองรับน้ำฝน โดยจะมีการบริหารจัดการน้ำให้สัมพันธ์กับสถานการณ์ ส่วนการระบายน้ำฝั่งตะวันตกแม่น้ำปิง จากดอยสุเทพลงมา พบว่าในวันที่ 26 กันยายน จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้ทางระบายน้ำต่าง ๆ เต็มศักยภาพแล้ว จึงต้องระบายน้ำผ่านคลองชลประทาน ซึ่งในอนาคตจะต้องมีการหารือปรับปรุงท่อลอดคลองชลประทานเพื่อให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำปิงได้ดีขึ้น ส่วนความคืบหน้าการขุดลอกแม่น้ำปิง ขณะนี้ในภาพรวมได้ดำเนินการเสร็จไปแล้วเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ และจากการประเมินพบว่า สามารถช่วยทำให้อัตราการไหลของน้ำปิงดีอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะทำให้พื้นที่เศรษฐกิจในเขตเมืองปลอดภัยมากขึ้น
ขณะที่ศูนย์อุทกวิทยาฯ ได้เปิดเผยถึงค่าดัชนีความชื้นในดิน (API) พบว่า ขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ที่มีค่าความชื้นอยู่ในเกณฑ์สีแดง หรือมีค่าความชื้นมากกว่า 120 มิลลิเมตร 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ออน กัลยาณิวัฒนา ดอยสะเก็ด และสะเมิง ส่วนพื้นที่สีเหลือง มี 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงดาว อมก๋อย ซึ่งมีแนวโนเมเพิ่มขึ้นและที่อำเภอแม่แจ่ม แม่แตง มีแนวโน้มลดลง