“กัมพูชา” มั่วไม่เลิก แถหลักฐาน “กองทัพไทย” แสดงหลักเขต”บ้านเปรยจัน” แค่แผนผังภูมิศาสตร์ ไม่ใช่แผนที่ทางการใช้บังคับกม.ได้

กัมพูชา ยังแถไม่เลิก โต้ฝั่งไทย เรื่องเส้นเขตแดนบ้านเปรยจัน ตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งที่หลักฐานชัด ยังอ้างว่าไม่มีการแบ่งเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการ ด้านกตงเขมรออกแถลงการณ์ค้านทางการไทยบังคับใช้กฏหมายโทษสูงสุดกับชาวกัมพูชาป่วนชายแดนสระแก้ว อ้างชุมนุมสันติ

“กัมพูชา” มั่วไม่เลิก แถหลักฐาน “กองทัพไทย” แสดงหลักเขต”บ้านเปรยจัน” แค่แผนผังภูมิศาสตร์ ไม่ใช่แผนที่ทางการใช้บังคับกม.ได้ – Top News รายงาน

 

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 ช่วงเช้าที่ผ่านมา  มีรายงานออกมาจากสื่อ fresh news จากฝั่งกัมพูชา ได้โพสต์แถลงการณ์ ตอบโต้ เพจ Facebook “กองทัพบกทันกระแส” ของไทย เกี่ยวกับสถานการณ์เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองหญ้าแก้ว ของไทย และบ้านเปรยจัน ของกัมพูชา โดยมีเนื้อหาระบุว่า “สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการเขตแดนของกัมพูชา ได้ปฏิเสธข้อมูลที่เผยแพร่โดยฝ่ายไทย และชี้แจงว่า หมู่บ้านเปรย์จัน (Prey Chan Village) ตำบลอูร์ไบจัน อำเภออูร์จรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการตกลงเรื่องเส้นเขตแดนอย่างชัดเจนระหว่างสองประเทศ

 

สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการเขตแดนของกัมพูชา ชี้แจงว่า เอกสารที่โพสต์โดยเพจดังกล่าว เป็นเพียงแผนผังที่แสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ และตำแหน่งของหลักเขตแดน ซึ่งเป็นภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2559 และวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ของคณะทำงานสำรวจร่วมกัมพูชา-ไทย ว่าด้วยผลการตรวจสอบตำแหน่งจริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และ 43 ที่เคยปักไว้ในสมัยฝรั่งเศสเท่านั้น ไม่ใช่แผนที่ หรือเอกสารที่แสดง หรือยืนยันถึงเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การออกมาชี้แจงดังกล่าวของสำนักงานเลขาธิการฯ เกิดขึ้นหลังจากเพจเฟซบุ๊กชื่อ “Royal Thai Army: Update” ได้โพสต์ว่า หมู่บ้านเปรย์จัน ตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และ 43 และเป็นพื้นที่ของประเทศไทย พร้อมแนบเอกสาร 2 ฉบับ ที่มีการลงนามร่วมกันระหว่างกัมพูชา และไทย

กัมพูชา

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกันวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ประท้วงและคัดค้านอย่างหนักของรัฐบาลกัมพูชาต่อเจตนาของไทยที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจเจ และหมู่บ้านเปรยจัน อำเภออวโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย

โดยระบุว่า 1. เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 โฆษกกองทัพภาคที่ 1 กองทัพบก ได้ออกประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายภายในของไทยต่อชาวกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการกำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือแม้กระทั่งประหารชีวิต สำหรับการกระทำที่ขัดต่ออธิปไตยของไทย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ที่กองกำลังความมั่นคงของไทยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางโจมตีชาวบ้านชาวกัมพูชาในหมู่บ้านเปรย์จัน ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ประเทศไทยได้ใช้กำลังเพื่อพยายามใช้อำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน

2. การที่ไทยอ้างกฎหมายภายในในดินแดนพิพาทถือเป็นการหลีกเลี่ยงพันธกรณีพื้นฐานตามข้อ 2(3) และ 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดให้มีการระงับข้อพิพาทโดยสันติ และห้ามใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐอื่น การใช้โทษอาญาขั้นรุนแรง รวมถึงโทษประหารชีวิต ต่อชาวกัมพูชาที่เข้าร่วมการประท้วงโดยสันติ ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่รับรองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดเสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคมโดยสันติ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานสำคัญภายใต้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีโดยตรง การกระทำของไทยยังถือเป็นการละเมิดกฎบัตรอาเซียนและสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือ ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกงดเว้นการกระทำที่ยั่วยุและระงับข้อพิพาทโดยสันติ

 

3. เจตนาของไทยที่จะบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาที่ประท้วงอย่างสันติ ถือเป็นการแสดงอย่างชัดเจนถึงการใช้กำลังของไทย เพื่อยืนยันอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ที่ยังไม่ได้กำหนดเขตแดน ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญาและพันธกรณีของไทยภายใต้บันทึกความเข้าใจอย่างร้ายแรง ความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบก หรือ MOU 43 ซึ่งเป็นกรอบพื้นฐานสำหรับการแก้ไขปัญหาเขตแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้การดำเนินการดังกล่าวยังขัดแย้งโดยตรงกับภารกิจของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ในการสำรวจและกำหนดเขตแดนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2 ของบันทึกความเข้าใจ MOU 43

4. กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมใดๆ ที่จะบ่อนทำลายความพยายามในการลดระดับสถานการณ์ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2568 และบันทึกการประชุมที่ตกลงกันของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ลงวันที่ 7 สิงหาคม และ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

รัฐบาลกัมพูชาขอยืนยันพันธสัญญาอันแน่วแน่และแน่วแน่ในการแสวงหาทางแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทั้งหมดกับประเทศเพื่อนบ้านโดยสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังคงยึดมั่นในหลักการที่ว่าพรมแดนจะต้องไม่ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยกำลัง รัฐบาลกัมพูชาขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ถือว่าการอ้างกฎหมายภายในของไทยมีผลทางกฎหมายหรือกระทบกระเทือนต่อกระบวนการสำรวจและปักปันเขตแดนร่วมกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

‘อดีตสว.สมชาย’ เตือน ‘อสส.’ เสี่ยงเอง ถ้าเมินยื่นอุทธรณ์เอาผิด ‘ทักษิณ’ คดี 112
ตร.จัดกิจกรรม “เด็กยุคใหม่ ไม่ดู ไม่สนใจ ไม่ไลก์ ไม่แชร์ สื่อลามกออนไลน์” สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน ป้องกันภัยออนไลน์
ตระการตาขบวนพาเหรดเปิดงาน “Kebaya Festival 2025” ภูเก็ตเมืองสร้างสรรค์ สืบสานวัฒนธรรมบาบ๋า - เพอรานากัน ยกระดับเทศกาลประเพณีไทยสู่เวทีโลก ผลักดันอัตลักษณ์ไทยสู่ Soft Power
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 รวม 3 จังหวัด เผยปีนี้ใช้งบฯ ถึง 15.5 ล้านบาท
สมุทรปราการ หนุ่มเมียนมาถูกไล่ฟันสาหัส เหตุจีบแฟนสาวเจ้าถิ่น
"นายกฯอบจ.ชลบุรี" นำทีมร่วมงานรำลึก 127 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" เทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​