ฉะเชิงเทรา พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศให้ ท่านขุนสมาน และ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งวัด

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2568 ณ ศาลขุนสมานจีนประชา ประวัติวัดสมานรัตนาราม วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง บ้านหมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางแก้ว(ตำบลไผ่เสวกเดิม) อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และใกล้กับโครงการเขื่อน ทดน้ำบางปะกง มีเนื้อที่ ตามหน้าโฉนดที่ตั้งวัด ๒๖ ไร่ ๓งาน ๕๐ ตารางวา(ภายหลังปี ๕๒พระครูธรรมธรไพรัตน์ ปัญญาธโรได้ทำการรวบรวมผู้มีจิตศรัทธาจัดซื้อที่ถวายวัด จำนวน ๑๔ ไร่๑งาน ๓๖ ตารางวา )

ตามคำบอกเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้นเล่าสืบกันต่อกันมาว่ามีครอบครัวหนึ่งอยู่ในฐานะมั่นคง เป็นคหบดีมีคนเคารพนับถือ คือครอบครัวท่านขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อจ๋าย) เมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาทั้ง ๒ ของท่านขุนสมานจีนประชา นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (เพิ่มนคร ) พร้อมด้วย นางยี่สุ่น วิริยะพานิช (ผู้เป็นน้องสาว ต่อมาภายหลังได้สร้างพระปรางค์ขึ้นหน้าโบสถ์ ปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นอยู่) มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัดเพื่อ อุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับ

ข่าวที่น่าสนใจ

จึงได้ดำเนินการสร้างวัด ปรากฏตามหลักฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒ (ในรัชสมัยชาวบ้านผู้หนึ่ง ชื่อ นายเหว่า โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย) เมื่อสร้างวัดเสร็จเรียบ ร้อยแล้ว จึงได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร เป็นวัดราษฎ์ คณะสงฆ์ปกครองวัดสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕)ทรงเสด็จทางชลมารค์ผ่านมาได้ทรงแวะเยี่ยมวัดและได้มี
เป็นฝ่ายมหานิกาย แต่ปกครองไม่นานนัก ผู้สร้างวัดได้ถวายพระในคณะธรรมยุตมี พระครูศิริ ปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโพ เป็นประธานสงฆ์ในการรับถวาย) นี้ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่าวัด ใหม่ขุนสมาน เมื่อ มาจนถึงทุกวันนี้ เวลาสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส เสด็จออกตรวจสังฆมณฑลทางเรือตามลำแม่น้ำบางปะกง พระองค์ได้ขึ้นทรงเยี่ยมวัด ทรงเห็นป้ายชื่อวัดว่าไม่ สอดคล้องกับตำบลไผ่แสวก พระองค์จึงทรงประทานนามวัดเสียใหม่ว่า วัดไผ่แสวก เพื่อให้สอดคล้องกับตำบลดังกล่าวแล้ว ครั้นกาลเวลาล่วงเลยมานานหลายสิบปี

ทางราชการได้ยุบตำบลไผ่แสวกไปรวมกับตำบลบางแก้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ มีพระเถระผู้ใหญ่พร้อมด้วยภิกษุสามเณรชาวบ้านอุบาสกอุบาสิกาต่างก็มีความเห็นพร้องกันว่าสมควรที่จะเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ คือให้มีชื่อคำว่าสมาน เพราะเป็นตระกูลที่สร้างวัดและคำว่าแก้ว เพื่อให้สอดคล้องกับตำบล จึงขออนุญาตทางราชการตั้งชื่อวัดเสียใหม่ว่าวัดสมานรัตนาราม มาจนทุกวันนี้ วัดแห่งนี้ในสมัยหนึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) วัดเทพศิรินทราวาส ได้ทรงมาเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทบุตรหลานชาวบ้านอยู่หลายครั้ง วัดสมานรัตนารามมีพระพุทธรูปที่สำคัญยิ่งสององค์ องค์ที่ ๑ คือ พระประธานในอุโบสถปางมารวิชัย(นาม หลวงพ่อโต) อายุกว่า ๑๒๐ ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของ ตำบลและอำเภอองค์หนึ่ง เป็นที่ศรัทธาเคารพนับถือแก่ประชาชนโดยทั่วไป (ปัจจุบันได้สร้างจำลองแบบขึ้นอีก ๑ องค์หน้าตัก ๑๒๙ นิ้วเป็นพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด) องค์ที่ ๒ คือ พระประธานหน้าวัดตั้งประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพระองค์ ใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำบางปะกง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก ทรงถวายพระนามว่า พระพุทธมหากรุณา
คุณประสิทธิ์ และทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ ๙ องค์บรรจุบนเกตุพระ ในครั้งกระนั้น พระเดช พระคุณ พระญาณวโรดม ( ราชทินนามในขณะนั้น) ปัจจุบันคือ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส ได้เป็นผู้ทรงประกอบพิธีอัญเชิญ บรรจุพระบรมสารีกธาตุและเบิกพระเนตร และทรงเป็นประธานสมโภชน์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๓ วัดสมานรัตนาราม มีเจ้าอาวาสปกครองวัดมาแล้ว ๕ รูป ปัจจุบัน ๑ รูป รวมเป็น ๖ รูป

คือ
๑. พระสมุห์ทัด สุวัณโณ ๒. พระสุชิต สุชิโต ๓.พระครูอนันตธรรมรัต
๔.พระสมุห์เอี่ยม ๕. พระครูสุทธาภิมุข ๖. พระประชาธรรมนาถ (ปัจจุบัน)
วัดสมานรัตนารามและได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ มาช่วงสมัยหนึ่งในราวปี ๒๕๐๐ และได้ว่างเว้นในการบูรณะมาเป็นเวลานานจนถึงปี ๒๕๔๒ ปรากฏความทรุดโทรมเป็นอันมาก พระไพรัตน์ ปัญญาธโรได้เข้ากราบขออนุญาตจากหลวงพ่อท่านพระครูสุทธาภิมุข ผู้เป็น เจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์ เพื่อขอทำการวางโครงการบูรณะวัดสมานรัตนาราม(ใหม่ขุนสมาน) ซึ่งหลวงพ่อท่านพระครูสุทธาภิมุข เจ้าอาวาส ได้มีความเห็นชอบให้ดำเนินการได้ พระไพรัตน์ ปญฺญาธโร จึงได้ปรึกษากับคณะกรรมการวัดและ
และสำหรับอุโบสถหลังใหม่ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน ๑๔ เดือน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงโปรด
เกล้า ฯพระราชทานพระนามาภิไธย สธ. ประดิษฐานหน้าบันอุโบสถ และ ทรงโปรดพระราชทาน ผ้าพระกฐินพระราชทาน ทอดถวายเมื่อ
วันอาทิตย์ ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นครั้งแรก และ ปี ๕๓ อีก ๑ ปี ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานอุโบสถ หน้าตัก ๑๒๙
นิ้ว เนื้อทองเหลืองสำริด ซึ่งนับว่าเป็นพระประธานอุโบสถองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดา
มาตุ เสด็จทรงตัดหวายเมื่อ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๖.๐๙ น. และ ทรงเบิกเนตรพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในโลก
และ ได้ทรงพระราชทานพระนามาภิไธย ส.ส ประดิษฐานที่องค์พระพิฆเนศด้วย ปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างโรงพยาบาล ขนาด 150 เตียง งบประมาณก่อสร้าง 1000 ล้าน

ภาพ/ข่าว อาษา / ปรีญาภรณ์ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.ฉะเชิงเทรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นักเรียนนายเรืออากาศไทยสร้างชื่อบนเวทีนานาชาติ ร่วมงาน “PLAAF International Cadets Week ครั้งที่ 6” ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน
มท.2 เปิดการอบรมความรู้แผนพัฒนาท้องถิ่นและการมีส่วนร่วม ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี
อีกแล้ว! "ฮุน เซน" ปิดกั้นเฟซบุ๊ก ไม่ให้คนไทยเห็น คาดโดนทัวร์ลงหนัก หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด
พังงาเดือดร้อนหนัก! ถนนทั้งเมืองพังขุดไม่เสร็จ โครงการระบายน้ำกว่า 160 ล้าน ล่าช้าเกินสัญญา
จีน-ไต้หวันเตือนภัยไต้ฝุ่นฟงวองคาดพัดถล่มวันนี้
เวียดนามจ่อทุ่มงบกว่า 1 หมื่นล้านลอกคลองโฮจิมินห์ซิตี้แก้น้ำท่วม

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​