อุทัยธานีชาวเกาะเทโพและท่าซุงอ่วมหนัก น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา กว่า 50 หลังคาเรือนต่างก็ย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงป้องกันการเสียหาย น้ำนั้นขึ้นมาท่วมทางถนนตัดการสัญจรส่งผลให้ออกไปซื้อของไว้กักตุนลำบาก ไร่และสวนเสียหายกว่า 1,000 ไร่
เวลา 09.30 น.วันที่ 12 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บริเวณ หมู่ที่ 1 บ้านท่ารากหวาย ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี หลังจากที่แมน้ำเจ้าพระยานั้นมีระดับสูงจนเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างก็ยกของขึ้นที่สูงกันเพื่อป้องกันการเสียหายนั่นเอง ทางนางโสภา พันฉนวน อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 1 บ้านท่ารากหวาย ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่าพอน้ำเริ่มขึ้นมาละเข้าท่วมมา 4 วันมาแล้วและระดับน้ำยังคงขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องทางลูกหลานคนในครอบครัวต่างนำนั่งร้านเหล็กมาต่อที่หน้าบ้านแล้วนำเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องครัวไว้ ซึ่งตอนนี้ยอมรับว่าลำบากมากเนื่องจากน้ำนั้นอ่อจนท่วมถนนตัดทางสัญจรในหมู่บ้านเวลาจะออกไปซื้อข้างของหรืออาหารไว้กักตุนไว้เพื่อหุงหาอาหารนั้นลำบากมากและคาดว่าพรุ่งนี้น้ำจะขึ้นอีกอย่างแน่นอนเพราะฝนที่ตกลงมาเติมระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มเรื่อยๆ

ข่าวที่น่าสนใจ

ระดับน้ำสูงต่อเนื่อง อุทัยธานีแม่น้ำสะแกกรังรับศึกสองด้านเสี่ยงท่วม

ขณะเดียวกันบริเวณ หมู่ที่ 6 บ้านวัดราษศรัทธาธรรม ตำบลท่าซุง อ.อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานีซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกับบ้านท่ารากหวาย น้ำนั้นก็เข้าท่วมบ้านเรือนเช่นกันจนต้องนำเรือออกมาใช้กัน บางครอบครัวก็ขนจากชั้นล่างที่น้ำเข้าท่วมของมาไว้อยู่ข้างถนนเพื่อเอาไว้หุงหาอาหารและต่อไม้กระดานเป็นทางขึ้นเพื่อเดินขึ้นบ้านกัน ชาวบ้านบอกว่าน้ำนั้นได้เริ่มท่วมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาแล้วก็ได้แต่รอคอยให้น้ำนั้นลดลงอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพราะหากท่วมนานก็จะอยู่กันอย่างลำบาก ทาง นายสำรวย แก้วซุง อายุ 70 ปี บ้านเลขที่ 110 บ้านวัดราษศรัทธาธรรม ตำบลท่าซุง อ.อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่าเมื่อคืนเวลาประมาณตี 1 แล้ว นั้นเริ่มเข้าท่วมเข้ามาในบ้านจึงทำการทยอยเก็บของตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงช่วงเช้าไม่ได้หลักนอนเลยน ซึ่งชั้นล่างนั้นน้ำท่วมจนหมดแล้ว ซึ่งก็ต้องยกโต๊ะมาหนุนของไว้ ซึ่งก็ต้องทำอยูคนเดียวเพราะภรรยานั้นก็ป่วยและต้องเลี้ยงหลานบนชั้นสองซึ่งได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นวันนี้ก็ทราบว่าทางภาคเหนือนั้นจะระบายน้ำเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลให้ระดับน้ำนั้นขึ้นมาอีกอย่างแน่นอนและต้องเฝ้าระวังกันต่อไป

ส่วนถนนที่ถูกตัดขาดเพราะน้ำนั้นเข้าท่วมสูงประมาณ 20 เซนติเมตรกว่ารถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์นั้นไว่ผ่านไม่ได้แล้ว ซึ่งก็มีรถอีแต๋นยังคงขับผ่านได้อยู่เนื่องจารถนั้นค่อนข้างสูง ซึ่งทาง อบต.เกาะเทโพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาสำรวจในเบื้องต้นแล้ว พบว่า บ้านเรือนทั้งสองหมู่บ้านนั้นน้ำเข้าท่วมกว่า 50 หลังคาเรือนแล้ว และยังมีสวนกล้วยหอมและไร่ข้าวโพดซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวตำบลเกาะเทโพนั้นเสียหายกว่า 1,000 ไร่แล้วและหากท่วมนานกว่านี้คงจะเน่าตายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ต้องลงพื้นที่สำรวจเพิ่มเติมอีกเพื่อให้ความช่วยเหลือกันต่อไปนั่นเอง

นันทศักดิ์ วัฒนพานิช ผู้สื่อข่าวTOPNEWSทั่วไทย จ.อุทัยธานี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง