“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็น “เร่งรื้อ แก้ รธน.” คำวินิจฉัยศาลดับฝันพรรคประชาชน

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ เร่งรัดจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ “ไม่ใช่เรื่องจำเป็น” ข้อตกลง MOA เป็นหมัน เทคนิค “ปชน”แม้ใช้กลไกฝ่ายนิติบัญญัติ “สอดใส้” ให้มี สสร.มาจากเลือกตั้งจากภาคประชาชน ขัดรัฐธรรมนูญไม่อาจกระทำได้

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็น “เร่งรื้อ แก้ รธน.” คำวินิจฉัยศาลดับฝันพรรคประชาชน – Top News รายงาน

 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 สืบเนื่องเรื่องพิจารณาที่ 9/2568 ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “.ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐสภา มีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง และจัดทำประชามติ 3 ครั้งนั้น

ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชนคนดัง ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า การตีความของศาลรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจนถึงวิธีการออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งไหนทำได้และทำไม่ได้ สอดคล้องกับอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจของประชาชนโดยตรง โดยรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรแก้ไขยาก

​ต้องแยกกัน ระหว่างการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา กับการออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การแก้ไขรายมาตรา ศาลตีความว่า รัฐสภาสามารถแก้ไชได้ หากออกแบบใหม่จะต้องจัดทำประชามติ

​อธิบาย ภาษาชาวบ้าน คือ ศาลไม่ได้ห้ามแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่ห้ามแก้ทั้งฉบับ หากออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ย่อมมีผลยกเลิก รธน.ทั้งฉบับ ไม่สามาระกระทำได้ จะต้องไปจัดออกเสียงประชามติ สอบถามประชาชนเจ้าของอำนาจก่อนว่าสมควรจัดให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จะไปเพิ่มหมวด 15/1 ออกแบบให้มี “สสร.” ศาลตีความว่า ไม่สามารถกระทำได้ เพราะศาลตีความว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง”

อธิบาย ภาษาชาวบ้าน คือ สสร.มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่อาจกระทำได้ ไม่ว่าจะใช้เทคนิคใดๆ หากจะได้ รธน.ฉบับใหม่ มีวิธีการเดียว แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และนำไปสู่ กระบวนการ “ออกเสียงประชามติ” โดยต้องไปสอบถามประชาชนก่อนว่า สมควรจะมีรัฐธรรมนูญหรือไม่

​กรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงต่อสาธารณะว่าจะใช้ช่องเทคนิคปั่นกระแสเอาใจผู้สนับสนุนเพื่อสร้างคะแนนนิยมเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น โดยวิธีเร่งรีบเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 โดยจะใช้เทคนิคสอดใส้ร่างแก้ไข เพื่อให้ “สสร.”อีก โดยยืมมือใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเป็นเครื่องมือ ย่อมไม่สามารถกระทำได้เช่นกันเพราะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

​การย้อนกลับ ใช้โมเดล สสร.ปี 2539 ในการจัดทำร่าง รธน.2540 ไม่อาจเกิดได้ ในการยกเลิก รธน.2560 เพราะสร้างกับดักไว้ในการแก้ไขยากในหมวด 15 มาตรา 256

​ผลกระทบต่อข้อตกลงแลกโหวต หรือ MOA ในการจัดตั้งรัฐบาลอนุทิน 1 ทำให้ข้อตกลงใน 2 และ ข้อ 3 ย่อมตกไป ผลทางกฎหมาย บ่งชัดว่า ข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่อาจกระทำได้ ​พูดภาษาชาวบ้านว่า ข้อตกลง MOA ในข้อ 2 และ ข้อ 3 เป็นหมัน ไม่อาจกระทำได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

แม้พรรคภูมิใจไทย มีคำสั่งที่ 7/2568 แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมการพิจารณาจัดทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการเอาใจพรรคประชาชนเท่านั้น เพราะการจัดทำออกเสียงประชามติ ต้องกระทำเป็นขั้นตอนและเป็นอำนาจเฉพาะ “กกต.”ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 (1)ประกอบ พรบ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ในการจัดทำ มิใช่พรรคการเมือง ทั้งไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนของประเทศ ซึ่งปัญหาปากท้องประชาชน ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ย่อมมีสำคัญกว่าแก้รัฐธรรมนูญ

 

 

 

ศาล รธน.อธิบายได้ชัดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในกระบวนการจัดทำออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง เป็นประชาธิปไตยโดยตรง แม้จะสามารถใช้คำถามครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ในรอบเดียวกันได้ก็ตาม แต่หากเทียบกรอบเวลา 4 เดือนนับแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยยุบสภา โดย สส.จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ก่อน ถึงนำไปสู่กระบวนการจัดทำออกเสียงประชามติ โดยต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และดุลพินิจในการจัดทำประชามติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 224 (1) เป็นอำนาจของ กกต. แม้พรรคประชาชน จะใช้เทคนิควิธีการอออกเสียงจัดทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป ในแง่กฎหมายสามารถกระทำได้ แต่ในแง่การเมือง เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองของพรรคประชาชน สามารถหยิบการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปหาเสียงล่วงหน้าได้ว่า นโยบายแก้รัฐธรรมนูญได้ทำตามพันธะสัญญาประชาคมแล้ว

การตีความศาล รธน.สะเทือนการเมือง เป็นการดับฝันพรรคประชาชน ในการจัดให้ มี สสร. ในการเลือกตั้ง สสร.จากภาคประชาชน แต่ในทางกฎหมาย ไม่ห้ามรัฐสภา ในการแต่งตั้งคณะทำงาน นักวิชาการด้านต่างๆ ในการยกร่างออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องใช้ระยะเวลานาน  เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของประชาชน สอดคล้องกับอำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กลุ่มคปท. จี้ป.ป.ช. เร่งเอาผิด “ทวี-ขบวนการช่วยทักษิณ” ปมชั้น 14
ดร.ฉลาด ขามช่วง ติวเข้มคณะทำงานการเมือง เตรียมนำร่องลงพื้นที่ระดับจังหวัด หวังสร้างบทบาทให้กับรัฐสภา
หนุ่มใหญ่เมาหนัก ปีนรั้วผิดบ้าน ร่างห้อยโตงเตงนานกว่า 2 ชม.
กระสอบทรายคันกั้นน้ำโผงเผงพังถล่ม น้ำทะลักท่วมบ้าน 8 หลัง สวนกล้วยแสนกว่าบาทเสียหาย
"บิ๊กเล็ก" แจงข้อตกลง GBC เปิดด่านชายแดนยังไม่ใช่ขณะนี้ ต้องรอความพร้อม รวมสถานการณ์จริงในพื้นที่
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอเชิญเที่ยวงานลอยกระทงสวรรค์ นมัสการพระธาตุดอยกองมู ประจำปี 68

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​