ตร.เผยจนท.สวนสัตว์ฝืนกฎลงจากรถ เป็นเหตุฝูงสิงโตขย้ำ ด้านแพทย์ยืนยัน เสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์

ตร.เผยจนท.สวนสัตว์ฝืนกฎลงจากรถ เป็นเหตุฝูงสิงโตขย้ำ ด้านแพทย์ยืนยัน เสียชีวิตก่อนถึงมือแพทย์

จากเหตุการณ์สุดสลด กรณีฝูงสิงโตในสวนสัตว์ชื่อดังย่านรามอินทรา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เดินลงมาจากรถก่อนจะรุมขย้ำจนเสียชีวิต สร้างความสะเทือนขวัญให้เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวที่เข้าชม และเห็นเหตุการณ์ ซึ่งพยายามช่วยเหลือด้วยการบีบแตรและตะโกนขอความช่วยเหลือ เพื่อให้สิงโตผละออกจากเจ้าหน้าที่ กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่สวนสัตว์จึงเข้าให้การช่วยเหลือและนำตัวเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวส่งโรงพยาบาลได้สำเร็จ แต่ไม่ทันการณ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว

ล่าสุด วันนี้ ( 10 ก.ย.) พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ภายในสวนสัตว์ดังกล่าว จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบ รถยนต์ของเจ้าหน้าที่จอดอยู่ ประตูด้านคนขับเปิดคาอยู่ ข้างรถพบรองเท้า และพบรอยเลือดกระจายอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สอบสวนเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เบื้องทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือนานเจียน อายุ 58 ปี มีประสบการณืทำงาน 30 ปี จนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์แผนกสัตว์ดุร้าย ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว ลงจากรถเนื่องจากทำสิ่งของตกนอกตัวรถ จึงเปิดประตูเพื่อลงมาเก็บของ จังหวะที่กำลังก้มเก็บของ ซึ่งหันหลังให้กับสิงโต จึงถูกสิงโตตัวหนึ่งเข้ามาตะครุบจากด้านหลัง ก่อนจะลากไปกับพื้น แล้วขย้ำกัดเจ้าหน้าที่รายนั้นซึ่งพยายามดิ้นรนจนบาดเจ็บสาหัสก่อนที่ สิงโตอีก3-4 ตัวที่อยู่ในบริเวณรนั้นจะเข้ามารุมกัดขย้ำ

นายยุทธนา พิทักษทา เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสวนสัตว์โซนจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ปกติเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโซนซาฟารีปาร์ค จะมีเจ้าหน้าที่ประจำรถ 2 คน แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่า ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อีกคนที่เป็นบัดดี้ผู้ตาย เข้าไปทำธุระบางอย่าง และไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่าเราจะมีกฎเหล็กสำหรับเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยว ในโซนว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ห้ามลงจากรถเด็ดขาด ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีการพูดคุยสอบถามพนักงานที่เป็นบัดดี้ก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นและผู้ประสบเหตุลงจากรถมาทำไม ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการทบทวนมาตรการต่างๆกับพนักงานเป็นประจำ และผู้ประสบเหตุก็ไม่เคยฝืนกฎหรือมีประวัติเสื่อมเสีย ส่วนเรื่องการดื่มสุรา และกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า จากคลิปที่ปรากฏเหมือนเป็นการจงใจ เนื่องจากไม่พบว่ามีการต่อสู้ดิ้นรน หรือมีการตั้งข้อสังเหตว่าผู้ประสบเหตุน่าจะมีอาการป่วยซึมเศร้า หรือไม่ตนยังไม่ขอยืนยันแต่ก็คงต้องมีการตรวจสอบต่อไป

ด้าน นายสดุดี พันธุ์ภักดี ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตนได้รับการสั่งการ ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยจะเข้าไปพูดคุยตรวจสอบว่า ทางสวนสัตว์ได้มีการเตรียมแผนรองรับความปลอดภัยทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุในลักษณะนี้หรือไม่อย่างไรและต้องตรวจสอบเรื่องการครอบครองสิงโตว่าครอบครองถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับผิดชอบดูแลในส่วนนี้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องๆทุกๆ 3 เดือน โดยข้อมูลล่าสุดทราบว่ามีสิงโตในความครอบครองอยู่ 32 ตัว ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุคงต้องพูดคุยสอบถามอีกครั้ง

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อเวลา 15.00 น. นพ.ประภาส ธีระกุล ผอ.โรงพยาบาลอินทรารัตน์ พร้อมด้วย พญ.ณิชากร วงค์คม แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ออกมาชี้แจงกรณีการรับตัวผู้บาดเจ็บ จากการถูกสิงโตทำร้ายจนเสียชีวิต

โดยพญ.ณิชากร ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ได้นำร่างของนายเจียน มาส่งที่ห้องฉุกเฉินถึง เมื่อเวลา 12:10 น. โดยขณะนั้นตนเป็นแพทย์เวรประจำห้องฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อตัวของนายเจียนมาถึงทางแพทย์ ก็ได้ดำเนินการกู้ชีพทันที เนื่องจากพบว่า คนไข้ไม่มีชีพจรแล้ว แต่ปรากฏว่าการกู้ชีพไม่เป็นผลเนื่อง จากบริเวณร่างกายของนายเจียนมีบาดแผลสาฉกรรจ์หลายตำแหน่ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นายเจียนเสียชีวิต แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งของบาดแผลได้

 

ในส่วนของ นพ.ประภาส ธีระกุล ผอ.โรงพยาบาลอินทรารัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ร่างของผู้ตายได้ถูกนำไปเก็บในห้องรักษาศพ ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างการพูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า จะนำร่างของผู้เสียชีวิต ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลไหน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากว่า กรณีนี้เป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า จะสามารถส่งร่างของนายเจียน ไปผ่าชันสูตรพลิกศพ ได้เมื่อไหร่ ทางนายแพทย์ประภาสบอกว่า จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน โดยไม่ได้มีช่วงเวลาจำกัด เนื่องจากว่า การส่งศพไปตรวจชันสูตรนั้นสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ต่อมา เมื่อเวลา 15.50 น. นางสาวรัตนาภร จิตรภักดี อายุ 57 ปี ภรรยาของ นายเจียน รังคะรัสมี อายุ 58 ปี ผู้เสียชีวิตซึ่งเดินทางมาดูอาการสามี และพบว่าเสียชีวิตแล้ว ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทั้งน้ำตา ว่า ตนรู้สึกตกใจและช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดยเจ้าหน้าที่ที่ซาฟารีเวิลด์ ได้มีการโทรศัพท์แจ้งให้น้องชายทราบ น้องชายจึงรีบโทรแจ้งตนและครอบครัวให้รีบไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลทันที เมื่อมาถึงยอมรับว่าไม่กล้าเข้าไปดูหน้าของสามีเนื่องจากยังทำใจไม่ได้

สำหรับสามี ได้ทำงานอยู่ที่ซาฟารีเวิลด์ ตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม จนตอนนี้ก็ใกล้จะเกษียณอายุ ด้วยใจรักงานและรักสัตว์ และเป็นคนใจเย็นรอบคอบ เมื่อ 2 วันก่อน ตนและสามียังคุยกันถึงชีวิตหลังเกษียณอายุ ว่า จะนำเงินเกษียณที่ได้ไปซื้อที่ 1 ไร่ เล็ก ๆ ในต่างจังหวัด เพื่ออยู่อาศัยและประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในบั้นปลายชีวิต

ส่วนหน้าที่ของสามี ตนไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แต่รู้ว่ามีส่วนรับผิดชอบในการดูแลสิงโตกับเสือมานาน ตนก็มักจะคอยบอกเสมอว่าทำงานกับสัตว์ ดุร้ายจะต้องระมัดระวัง เพราะเราเดาใจมันไม่ถูก ซึ่งสามีก็ทราบดี และ ที่ผ่านมาสามีก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บจากการถูกสัตว์ทำร้าย มีเพียงแค่ได้รับบาดแผลจากรถยนต์เท่านั้น

“ สิ่งที่อยากจะบอกกับสามีคือ ในเมื่อเราเดินคนละทางกันแล้ว ยังรัก เป็นห่วง และคิดถึงมาก เขาตั้งใจทำงานทุกวันเพื่อครอบครัว และเมื่อเสาหลักของครอบครัวขาดไป ก็ยอมรับว่า จากนี้ชีวิตคงลำบากเพราะ ที่ผ่านมาสามีก็จะเป็นคนคอยช่วยเหลือเตรียมของให้สำหรับไปขายในช่วงเช้าทุกวันและสามีเป็นคนเข้มแข็งมาก ไม่เคยท้อเลย มีแต่เราที่อ่อนแอ และสามีก็ให้กำลังใจเสมอ ”

อย่างไรก็ตาม กระแสสังคมตั้งคำถามมากมายถึงเรื่องสุขภาพของสามี ตนขอยืนยันและขอความเป็นธรรมให้กับสามี โดยขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาสามีไม่ได้มีความเครียด ไม่ได้มีปัญหาครอบครัว หรือป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่เคยยืนเหม่อลอย และ ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยหรือมีประวัติการรักษาอาการทางจิตด้วย

ทั้งนี้ ประเด็นที่ หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดสามีถึงต้องลงจากรถนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งขณะนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากบริษัท แต่มองว่า เรื่องดังกล่าว ควรจะต้องมีคนรับผิดชอบเพื่อความเป็นธรรม กับชีวิตของคนหนึ่งคน ที่ตั้งไจทำงานมาตลอดแทบไม่ได้หยุด

ด้านนายสุรชัย รังคะรัสมี อายุ 49 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ระบุว่า หลังทราบเรื่อง ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกับทางแพทย์และดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์ โดยพบว่า คอหัก และมีบาดแผลฉกรรจ์กันที่หน้าอกรวมถึงขาหัก โดยตอนมาถึงตนเองไม่พบใครแล้ว รู้แต่ว่ามีรถพยาบาลของสวนสัตว์นำส่ง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับทางสวนสัตว์ ส่วนรายละเอียดอื่นๆทราบแต่เพียงว่าทางรพ.จะส่งศพไปชันสูตร

ตอนนี้ยอมรับว่า สมาชิกครอบครัวมีสภาพจิตใจแย่มาก และยังรับไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพี่ชายคนโตซึ่งเป็นเสาหลักไป หลังจากนี้คงต้องสู้กันต่อไป ส่วนจะเป็นความประมาทของพี่ชายหรือไม่นั้น ตนเองก็ไม่สามารถบอกได้ แต่อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย เพราะถึงอย่างไร พี่ชายก็ทำงานให้กับสวนสัตว์ โดยรับหน้าที่ดูแลโซนเสือ โซนสิงโตมานาน เกือบ 20 ปี ต้นสังกัดจึงควรจะลงมาดูแลบ้าง และที่ผ่านมาเท่าที่ทราบพี่ชายไม่เคยถูกสัตว์ทำร้ายมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวเรา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พิธีปิดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48  "พลศึกษาเกมส์" ณ จังหวัดสุโขทัย
“เทสใต้ Tasty” เสิร์ฟเมนูสีดำ ต้อนรับสารทเดือนสิบ
สวธ. จับมือ นิด้า ร่วมผลักดันการศึกษาด้านการท่องเที่ยว ยกระดับ-พัฒนา เชื่อมโยงเครือข่ายวัฒนธรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
สมศักดิ์ ลงพื้นที่เพชรบูรณ์ เปิดงาน ‘คนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง’
ตำรวจท่องเที่ยว “โชว์รถปฏิบัติการอัจฉริยะ” ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวภูเก็ต
“นายกฯอนุทิน” ขออย่ากังวล ย้ำทำตามสัญญา 4 เดือนยุบสภาฯแน่ ไม่กดดันปมทำประชามติแก้รธน.

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​