“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ MOA “ภท.-ปชน.” แลกโหวตนายกฯ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงถูกยุบพรรค

"ดร.ณัฏฐ์" ชี้ MOA "ภท.-ปชน." แลกโหวตนายกฯ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงถูกยุบพรรค

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ MOA “ภท.-ปชน.” แลกโหวตนายกฯ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ เสี่ยงถูกยุบพรรค

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกรณีข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ในการทำข้อตกลงร่วมกันในการผลักดันรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลอนุทินให้ได้นั้น ต่อมา สส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องพร้อมรายชื่อสมาชิกไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนนั้น

 

ล่าสุดวันนี้ ( 8 ก.ย. ) “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและ กล่าวว่า ข้อตกลงแลกโหวตที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนในแง่กฎหมาย ถือเป็นนิติกรรมสองฝ่าย โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ย่อมมีผลผูกพันทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเรียกว่า “MOU” หรือ “MOA” เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ก็ตาม

แต่สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาแลกโหวตในข้อตกลงเป็นการขัดหรือแย้งและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หรือไม่ เป็นข้อสำคัญ โดยหลักกฎหมายมหาชน หากไม่ได้บัญญัติไว้ ย่อมไม่อาจกระทำได้ แตกต่างจากหลักกฎหมายเอกชน ตรงกันข้าม หากกฎหมายไม่ได้บัญญัติห้ามไว้ ข้อยกเว้นนั้น คู่สัญญาย่อมทำได้

ข้อตกลงในการผลักดันแลกโหวตเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญ และกฎหมายพรรคการเมือง เป็นหลักซึ่งจะอ้างเป็นศรีธนญชัย ว่า “ไม่มีกฎหมายห้ามไว้” โดยอ้างว่าเป็นเพียง “ทฤษฎีสัญญาประชาคม” เพื่อให้อีกฝ่ายผูกพันทางการเมืองในแง่เชิงภูมิรัฐศาสตร์ ย่อมกล่าวอ้างไม่ได้ เพราะข้อตกลงถือเป็นสัญญาประเภทหนึ่ง ย่อมมีผลผูกพันในแง่กฎหมาย เมื่อคู่กรณีได้ตกลงและลงนามแล้ว

ซึ่งในกฎหมายพรรคการเมือง ถือเป็นการที่พรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลใดหรือพรรคการเมืองใดครอบงำ แทรกแซง ทำให้ขาดความอิสระ ในช่วงระยะเวลาใด เวลาหนึ่ง ย่อมขัดต่อ มาตรา 28 แห่ง พรป.พรรคการเมือง เข้าหลักเกณฑ์ในการยุบพรรคการเมือง ตามมาตรา 92 ได้

เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะกติกาสูงสุดของประเทศ คือ รัฐธรรมนูญ ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 114 เป็นข้อห้ามเด็ดขาด “สส. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่อยู่ภายในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”

ตนชำแหละ “จุดตาย” ข้อตกลงแลกโหวต ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เป็นอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับให้ความรู้ด้านกฎหมายมหาชน สำหรับประชาชนผู้ใฝ่สนใจทางการเมือง คอการเมือง และประชาชนทั่วไป

ข้อตกลงแลกโหวต ในข้อ 1 ที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องยุบสภาภายใน 4 เดือนนับแต่แถลงนโยบายต่อสภาเพื่อจัดตั้งให้มีการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป” ถือเป็นข้อตกลงต่างตอบแทนระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย “เป็นการได้ประโยชน์จากการรวมเสียงข้างมาก” ตาม รธน. มาตรา 159 วรรคสาม

แม้ไม่มีบทบัญญัติใดห้ามไว้ แต่ในหลักกฎหมายมหาชน เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ ย่อมไม่อาจกระทำได้ เพราะการแลกโหวตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของแต่ละพรรคการเมือง ย่อมเป็นการฝ่าฝืนและทับซ้อนผลประโยชน์ ส่วนตัวกับผลประโยชน์สาธารณะ ย่อมขัดรัฐธรรมนูญในส่วนบทบัญญัติว่าด้วยการขัดกันในผลประโยชน์ มาตรา 185 (1) (2) เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตาม รธน. มาตรา 219 ประกอบข้อกำหนดมาตรฐานจริยธรรม ปี 2561 ข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 27

โดยระบบรัฐสภาไทย แยกอำนาจ ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลและมีอิสระซึ่งกันและกัน แต่ข้อตกลงแลกโหวต เป็นการให้ได้มาซึ่งอำนาจฝ่ายบริหารโดยอยู่ภายใต้ความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใดๆของบุคคลหรือพรรคการเมืองใด เป็นการฝ่าฝืน รธน. มาตรา 114 ประกอบมาตรา 185 (1) (2) ในแง่ทางการเมืองทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอเป็นการครอบงำ แทรกแซงในการบริหารกิจการของอีกพรรคการเมืองหนึ่ง ตาม พรป.พรรคการเมือง มาตรา 28 เป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองทั้งสอง ตามมาตรา 92

นอกจากนี้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ยุบสภา ภายใน 4 เดือนนับแต่แถลงนโยบาย ย่อมขัดต่อ “หลักแบ่งแยกอำนาจในระบบรัฐสภา” และ “หลักใช้อำนาจฝ่ายบริหาร” ซึ่ง รธน. มาตรา 103 วรรคหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจะเสนอทูลเกล้าฯ พรฎ.ยุบสภา เมื่อใดก็ได้ หากมีเหตุผลในการยุบสภา เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตาม รธน. มาตรา 165 โดยมิใช่เกิดจากข้อผูกมัดแลกโหวตหรือภายใต้ข้อตกลงใดๆแลกโหวตจากพรรคการเมืองใด ๆ

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเงื่อนไขในการแลกโหวต เป็นการได้มาซึ่งอำนาจฝ่ายบริหารจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการล้มล้างการปกครองฯ ตาม รธน. มาตรา 49 บุคคลใดเห็นการกระทำ ย่อมยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำได้ ตาม รธน. มาตรา 49 วรรคสอง

ส่วนจุดตายข้อความแลกโหวต ปรากฏใน ข้อ 4 ที่ว่า “เพื่อสร้างหลักประกันนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทย ต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก” ถือเป็นเงื่อนไขบังคับก่อน โดยข้อแลกโหวต เป็นกรณีที่นายอนุทินฯ ได้กระทำในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยยินยอมอยู่ภายใต้การกำกับ ควบคุมของ นายณัฐพงษ์ฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนและพรรคประชาชน ฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง มาตรา 21 เพราะ ข้อตกลงย่อมขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พรป.พรรคการเมือง ทำให้เกิดความครอบงำ ที่บัญญัติให้การจัดตั้งรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ต้องเป็นไปตามเจตจำนงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยเสียงข้างมากตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 วรรคสาม

โดยพรรคการเมือง ต้องมีสิทธิหรือเสรีภาพ ในการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง ข้อตกลงโดยวิธีลักษณะข้อจำกัดไม่ให้พรรคภูมิใจไทย “ไม่กระทำการใดเพิ่มเติมเสียงข้างมากในภายหลัง” ถือว่า เป็นการยินยอมให้ สส. หรือพรรคภูมิใจไทย หรือรัฐบาลผสม ล่วงหน้า ให้อยู่ภายในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ ของนายณัฐพงษ์ฯและพรรคประชาชน อันเป็นการแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยนายอนุทินฯ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้อำนาจในตำแหน่งเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้สำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการฝ่าฝืน รธน. มาตรา 114 ประกอบมาตรา 186 (1) (2)

ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตาม รธน. มาตรา 219 ประกอบข้อกำหนดมาตรฐานจริยธรรม ปี 2561 ข้อ 7 ข้อ 8 และข้อ 27 ข้อความในข้อตกลง เข้าลักษณะการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ตาม รธน. มาตรา 49 อีกประการหนึ่งด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ค้นพบแหล่งโบราณคดี 2,000 ปี "ผาปางเปือย" บนยอดเขาภูขัด พิษณุโลก
สารทเดือนสิบ คึกคักทั่วนราฯ
ทีมอาจารย์นิติศาสตร์ มจร.นครฯ ช่วยคณะสงฆ์ให้คำปรึกษากฎหมาย
ปราจีนบุรี ปภ.เตือนเตรียมขนย้ายของขึ้นที่สูงและผู้ป่วยไว้ในที่ปลอดภัยหลังพบน้ำขึ้นสูง
ศอ.บต. เปิดเวทีฟังปัญหาชุมชน
สมุทรสงครามพิธีต้อนรับพระบัญชาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสิงฆปริณายก แต่งตั้ง พระครูสมุทรวชิรานุวัตร เป็นรองเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​