สำนักข่าวต่างประเทศรวมทั้งซินหัว CCTV และสื่อตะวันตกต่างเกาะติดรายงานพิธีสวนสนามครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเช้าวันพุธที่ 3 กันยายนที่จตุรัสเ่ทียนอันเหมิน ในกรุงปักกิ่งอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการมาปรากฎตัวพร้อมกันเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน, ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียและผู้นำคิม จองอึนของเกาหลีเหนือ
โดยสามผู้นำเดินพรมแดงเข้าร่วมงานพร้อมกัน สีเดินกลางและมีปูตินเดินขนาบข้างขวาและคิมขนาบฝั่งซ้าย มาสมทบกับผู้นำชาติอื่นๆรวมทั้งสิ้น 26 ประเทศ
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เปิดพิธี ประธานาธิบดีสีเตือนว่าประชาคมโลกมีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือสันติภาพหรือสงคราม แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งการพัฒนาของจีนได้ อย่างไรก็ตามจีนจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องและความก้าวหน้าของมนุษยชาติ ยึดมั่นวิถีทางการพัฒนาอย่างสันติ และร่วมมือกับทั่วโลกเพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน
นักวิเคราะห์มองว่าคิม จองอึนต้องการแสดงให้คนเกาหลีเหนือและประชาคมโลกรู้ว่าเขามีชาติมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียเป็นมหามิตรและปฎิบัติต่อเขาอย่างให้เกียรติขณะที่สี จิ้นผิงต้องการสื่อสารว่าจีนมีอำนาจและมีอิทธิพลทางการเมืองขนาดสามารถนำปูตินและคิมมาร่วมงานพร้อมกันได้
ขณะที่ขบวนอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งแสดงถึงแสนยานุภาพด้านการทหารของจีนที่นำมาแสดงในพิธีสวนสนามในวันนี้ก็เป็นที่จับตามองของบรรดาชาติตะวันตกและนักวิเคราะห์เนื่องจากมีอาวุธชุดใหม่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งพบว่ามีอาวุธเลเซอร์รุ่นใหม่ LY-1 ที่มีขีดความสามารถในการทำลายเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์, ขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์ ตงเฟิง-5 รุ่นใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่ามีพิสัยการยิงไกลถึงทวีปอเมริกาและได้ทุกแห่งทั่วโลก รวมทั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียง YJ-15, และโดรนใต้นำ AJX002