“ชูศักดิ์” แจงเบื้องหลัง “เพื่อไทย” ทูลเกล้าฯยุบสภาฯ อ้ำอึ้งความเหมาะสม รอ “ภูมิธรรม” แถลงทางการ
ข่าวที่น่าสนใจ
3 กันยายน 2568 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า เท่าที่ได้พูดคุยกันเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.68 ) กับแกนนำรวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องคิดว่าหากคิดวิเคราะห์ดี ๆ จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเลือกไปเพื่อยุบสภา เมื่อมีการโปรดเกล้าฯแล้วและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาหลังจากนั้นภายใน 4 เดือนก็จะต้องมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศแบบจริงจัง แต่มายุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าคิดว่า เป็นกระบวนการที่เลือกผู้นำประเทศแต่ไม่ได้บริหารประเทศ โดยในเฉพาะช่วงวิกฤตเช่นนี้
ขณะเดียวกันการที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องมองถึงเอกภาพถึงการเป็นพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่ง หรือพรรคนั้นมีงูเห่าเท่านั้นเท่านี้ตัว ความสง่างามและความเป็นประชาธิปไตย อย่างที่ตนมาว่าจะเป็นปัญหา ซึ่งเราจะคิดว่าถ้าเลือกทางนี้ท้ายที่สุดจะถูกต้องหรือไม่ จึงคิดว่าเมื่อจะยุบสภาอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุด ยุบไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากรัฐบาลที่เลือกเข้าไปก็จะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ก็ยุบเสียเลย สมมุติอย่างนี้ ซึ่งจากการพูดคุยก็คิดว่าเหมาะสม แต่อำนาจการตัดสินใจก็เป็นเรื่องของผู้ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการยุบสภามีอยู่ 2 ประการ คือมีอำนาจหรือไม่ในการเสนอพระราชกฤษฎีกายุบสภา ซึ่งก็จะมีความเห็นจาก เลขากฤษฎีกา ที่บอกว่าไม่มีอำนาจแต่หลายความเห็นก็บอกว่ามีอำนาจ ซึ่งข้อสังเกตของตนมีอยู่ว่า สถานการณ์ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนั้นนายกรัฐมนตรีคือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพียงแต่ทำหน้าที่ไม่ได้ แต่หากถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี คำตอบคือนายภูมิธรรม ที่ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอำนาจเต็ม นี่คือข้อสังเกตในเรื่องอำนาจ
ส่วนประการที่ 2 ที่มองว่าเป็นพระราชอำนาจ จะไปก้าวล่วงอะไรหรือไม่ จริงอยู่ที่เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กฎหมายระบุไว้ว่า ให้ตราการยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คำถามคือใครเป็นผู้นำเสนอ และผู้ที่ต้องรับสนองพระราชโองการ คือผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา สุดแล้วแต่จะเป็นพระบรมราชวินิจฉัย เราก้าวล่วงไม่ได้ ตนจึงคิดว่าน่าจะไปได้ จึงให้นายภูมิธรรมคิดดูว่าจะทำอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งฟังดูท่านก็มองว่า ควรจะไปทางนี้ได้อยู่เหมือนกัน
นายชูศักดิ์ย้ำอีกว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี เลือกไป 4 เดือนก็ต้องยุบสภา จะเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติไปเสียมากกว่า ซึ่งข้อสำคัญคือกระบวนการเลือก ต้องมีความสง่างาม
เมื่อถามว่านายภูมิธรรมนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าต้องถามนายภูมิธรรมในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรมจะตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในการหารือมีการคุยกันถึงเหตุผลในความเป็นไปที่ถูกที่ควร ยังไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นการหารือของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคุยกันแล้วมีข้อสรุปประมาณนี้ ส่วนถ้ามีการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ต้องวินิจฉัย แต่ข้อสังเกตของตน ถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี
“มันไม่เหมือน เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีคือท่านภูมิธรรม มีอำนาจเต็ม ไม่ได้ไปก้าวล่วงอะไร เพราะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในพระราชกฤษฎีกาต้องระบุ ถึงเหตุผลในการยุบสภา สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัยที่จะเห็นสมควรประการใด เป็นหลักธรรมดาทั่วไป”นายชูศักดิ์ กล่าว
ส่วนความชัดเจนนายภูมิธรรมจะสามารถบอกได้วันนี้หรือไม่เพราะพรรคประชาชนประกาศแล้วว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย นายชูศักดิ์กล่าวว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวให้นายภูมิธรรมแถลงว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเรื่องนี้ นายภูมิธรรมสามารถดำเนินการได้หรือไม่หรือต้องไปถามพรรค เพื่อให้เป็นมติ นายชูศักดิ์กล่าวว่า นายภูมิธรรมตัดสินใจได้เพราะได้รับมอบหมายจากพรรคมาแล้ว
เมื่อถามว่าถ้ามีการประกาศยุบสภาแล้วมีผู้ไปร้องแล้วกระบวนการจะชะลอหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าเมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว ก็ต้องรอว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อถามต่ออีกว่า หากมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วกระบวนที่สภาการเลือกนายกฯจะทับซ้อนกันหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าสภาก็ต้องเอาเรื่องนี้ไปคิดด้วย
ส่วนถ้าหากมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญกระบวนการจะต้องหยุดชะงักหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ถามว่าเป็นไปได้ไหมในขณะนี้เป็นไปได้ และระหว่างนี้รัฐบาลรักษาการก็ยังทำหน้าที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น