รอยเตอร์สและ AP รายงานว่ามาตรการกำแพงภาษีทรัมป์เพื่อลงโทษอินเดียโทษฐานซื้อน้ำมันจากรัสเซียในอัตรา 25% เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ บวกกับ 25% ภาษีตอบโต้ทั่วโลก ส่งผลให้อัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐเรียกเก็บจากอินเดียรวมเป็นทั้งสิ้น 50% สูงที่สุดในโลกเทียบเท่าบราซิลและจีน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการส่งออกขนาดเล็กจำนวนหลายพันรายทั่วอินเดีย
เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์อินเดียเผยว่ารัฐบาลเตรียมจ่ายเงินชดเชยและแนะนำให้ผู้ส่งออกหันไปหาตลาดอื่นแทนรวมทั้งจีน, กลุ่มประเทศละตินอเมริกาและตะวันออกกลาง ทั้งนี้คาดว่าสินค้าที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีทรัมป์คือ
สินค้าประเภทสิ่งทอ, เสื้อผ้า, อัญมณี, พรมและอาหารทะเล และคาดว่าจะกระทบธุรกิจส่งออกอินเดียราว 55% หรือประมาณ 4 หมื่น 8 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือกว่า 1 ล้าน 5 แสนล้านบาท ขณะที่ประเทศคู่แข่งทางการค้าสำคัญอย่างเวียดนาม, บังกลาเทศและจีนจะได้รับอานิสงค์ และคาดว่าจะทำให้สมาร์ทโฟนและสินค้าอิเลคทรอนิคอาจเปลี่ยนศูนย์กลางการผลิตจากอินเดียไปอยู่ที่จีนแทน
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ออกจากอินเดียก่อนเวลาเที่ยงคืนวันนี้จะได้รับการยกเว้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ โดยสามารถจะใช้อัตราภาษีเดิมจนถึงวันที่ 17 กันยายน ขณะที่สินค้าที่จะได้รับการยกเว้นก็มีสินค้าประเภทเหล็กกล้า, อลูมิเนียม, ทองแดงและรถยนต์โดยสาร
ภาษีทรัมป์ 50% มีผลบังคับใช้หลังจากการเจรจา 5 ครั้งระหว่างอินเดียและสหรัฐประสบความล้มเหลว
ข้อมูลจากสหรัฐเผยว่ามูลค่าทางการค้าระหว่างสหรัฐ-อินเดียปีที่แล้ว (2567) อยู่ที่ 1 แสน 2 หมื่น 9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือมากกว่า 4 ล้านล้านบาท โดยสหรัฐขาดดุลอยู่ 4 หมื่น 5 พันล้านดอลล่าร์หรือเกือบ 1 ล้าน 5 แสนล้านบาท