“ศาลอุทธรณ์” พิพากษาแก้ เพิ่ม-ลดโทษจำเลย คดีนายร้อยตำรวจกระโดดร่มไม่กาง “พ่อ”ลั่นสู้ถึงฎีกาให้รับโทษสูงสุด – Top News รายงาน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 นายสาธร พุทธชัยยงค์ พ่อของนักเรียนนายร้อยตำรวจชยากร พุทธชัยยงค์ ที่เสียชีวิตระหว่างฝึกกระโดดร่ม พร้อมทนายความให้สัมภาษณ์หลัง ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาแก้คำตัดสินของศาลชั้นต้น
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยว่าระหว่างยื่นอุทธรณ์ นายวัชรพงษ์ วงษ์สุวรรณ จำเลยที่ 5 และ พ.ต.อ.ประพงษ์ ภูฮง จำเลยที่ 7 ได้เสียชีวิต ศาลจึงได้จำหน่ายคดีของจำเลยทั้ง 2 ออกจากสารระบบความ
ศาลอุทธรณ์ ได้ใช้เวลานานกว่า 2 ชม.อ่านคำพิจารณาคดีและพิพากษาแก้คำตัดสินของศาลชั้นต้น สั่งลงโทษจำเลยที่ 2, 3 , 4 ,6 ,8 และจำเลยที่ 9 ในความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส และความผิดตาม ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ลงโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่การไต่สวนของจำเลยที่ 2, 3 ,4 , 8 และ 9 ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ จึงลดโทษคงเหลือโทษจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 6 เนื่องจากเป็นผู้มีหน้าที่ควบคุมดูแลการจัดลวดสลิง สั่งให้ลงโทษตามฐานความผิดสูงสุด โทษจำคุก 6 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 1 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ขณะที่นายสาธร พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เคารพคำตัดสินของศาลอุทธรณ์แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยบางคนมีโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ซึ่งต่างจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่สั่งลงโทษจำคุกจำเลยทุกคนเท่าเทียมคนละ 4 ปี ก็ถือว่าจำเลยได้รับโทษที่เบาลง จึงทำให้ตัวเองมีความเห็นต่างในบางประเด็น
แนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ นายสาธร พ่อผู้เสียชีวิต เตรียมจะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้ศาลพิจารณาเพิ่มโทษสูงสุดของฐานความที่จำเลยถูกพิจารณา