เปิดใจ! อดีตทหารผ่านศึก 3 สมรภูมิรบ เผยความภาคภูมิใจในชีวิต เมื่อครั้นได้รับพระราชทาน "เหรียญชายแดน" กับการทำหน้าที่รั้วของชาติปกป้องอธิปไตย

จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา เหล่าอดีตทหารหลายท่าน ได้ออกมาให้กำลังใจทหารไทย

ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนกัมพูชา โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติ และยกย่องความกล้าหาญ และเสียสละของทหารไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

เช่นเดียวกับ พ.อ.ถวิล นุ่มสำลี อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นอดีตนายทหารผ่านศึก โดยมีตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ คือ นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย กองทัพไทย

ได้เปิดใจกับทีมข่าวท็อปนิวส์ บอกเล่าความภาคภูมิใจเมื่อครั้นเริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2514 จากนักเรียนนายสิบทหารบก พิเศษรุ่น 1 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

โดย พ.อ.ถวิล กล่าวว่า หลังจากเริ่มรับราชการทหารได้เพียง 2 ปี ก็ต้องไปปฎิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ ซึ่งถือว่าเป็นสมรภูมิที่ 1 ในปี พ.ศ. 2516 เป็นการสู้รบที่หินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์

เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ใช้พื้นที่นี้เป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้กับรัฐบาล

สำหรับภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ จ. พิษณุโลก จ. เพชรบูรณ์ และ จ.เลย ทำให้กองทัพไทยต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเข้าโจมตี

และ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริให้สร้างถนนขึ้นภูหินร่องกล้า เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติการของทหาร

ข่าวที่น่าสนใจ

ทุกคำฟังจุกๆ “ทหารกล้าชายแดน” ลั่นถึง “ช่อ” ไม่มีใครอยากเป็นฮีโร่จากบ้านมาเสี่ยงชีวิต

ต่อภายหลังการประกาศนโยบาย 66/23 ของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในปี พ.ศ. 2523 พคท. ก็ได้ยุติการสู้รบ และมอบอาวุธให้แก่รัฐบาล

กระทั่งในปี พ.ศ. 2517 ตนได้รับพระราชทานเหรียญราชการชายแดน ซึ่งเป็นเหรียญที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อพระราชทานแก่ ผู้ที่ได้ปฏิบัติราชการชายแดนเป็นพิเศษ ให้แก่ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และผู้กระทำหน้าที่อย่างทหาร หรือตำรวจ

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน เป็นเครื่องเชิดชูเกียรติ แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญและความเสียสละ

โดยลักษณะเหรียญเป็นรูปกลม ทำด้วยโลหะสีทอง ด้านหน้าเหรียญมีพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี

ด้านหลังเหรียญมีอักษรจารึกว่า “เราปฏิบัติหน้าที่เพื่อเกียรติศักดิ์ไทย” เหรียญห้อยกับแพรแถบสีม่วง กว้าง 3.5 เซนติเมตร

มีริ้วสีขาวใกล้ขอบทั้งสองข้าง ด้านบนของแพรแถบมีเข็มโลหะรูปคฑาจอมพล จารึกอักษรว่า “ราชการชายแดน”

ไม่เพียงเท่านั้น พ.อ.ถวิล ยังเล่าต่อว่า ในปี พ.ศ. 2519 เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหาร และผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ในอำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี

ซึ่งตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ไปประจำการที่นั่น ร่วมกับเพื่อนทหารอีกหลายคน จึงกลายเป็นสมรภูมิที่ 2 ที่ตนได้ทำหน้าที่ชายชาติทหาร

พ.อ.ถวิล เล่าต่อว่า แม้เหตุการณ์การสู้รบในครั้งนั้น ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าเหตุการณ์ 6 ตุลา หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม มีการสู้รบเกิดขึ้นในพื้นที่หลายแห่งในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น ซึ่งรวมถึงอำเภอปากท่อด้วย

นอกจากนี้ พ.อ.ถวิล เล่าถึงสมรภูมิที่ 3 ที่ตนได้ทำหน้าที่รั้วของชาติ ในการปกป้องอธิปไตย ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว)

แม้ในปี พ.ศ. 2522 ยังไม่มีการสู้รบที่ชัดเจน ในพื้นที่อำเภอตาพระยา แต่เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนตึงเครียด โดยเกิดการสู้รบอย่างรุนแรง ระหว่างกองทัพเวียดนาม กับทหารเขมรแดง

ชาวบ้านต้องหนีตายเพราะกลัวถูกลูกหลง พลเมืองของกัมพูชาก็ต้องอพยพหนีตาย เข้ามาตามแนวตะเข็บชายแดนของประเทศไทย