ข่าวที่น่าสนใจ
ด้านผู้ต้องหายอมรับว่าขณะนี้มีหนี้สินอยู่ประมาณ 300,000–400,000 บาท ส่วนของกลางที่ได้มายังไม่ได้ตรวจนับว่ามีจำนวนเท่าใด หลังจากก่อเหตุในวันแรก ได้นำของกลางไปแยกส่วนเก็บไว้ หนี้สินที่เกิดขึ้นเริ่มจากการไปซื้อกิจการร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของเจ้าของเดิมที่เสียชีวิต ซึ่งญาติกำลังจะขายต่อให้กับผู้อื่น ผู้ต้องหาต้องการเก็บไว้ประกอบอาชีพ จึงซื้อในราคา 450,000 บาท โดยนำรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ไปจำนำ ทำให้มีหนี้สินต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 50,000–60,000 บาท จนหมุนเงินไม่ทัน
ผู้ต้องหายอมรับว่าตนมีครอบครัว แต่ไม่มีใครในบ้านรู้เรื่อง แม้แต่น้องชายก็ไม่เคยบอก ทุกอย่างคิดและวางแผนเพียงลำพัง แม้แต่การเปลี่ยนสภาพรถเป็นสีดำก็ทำโดยไม่ให้ใครเห็น ได้ทำการเปลี่ยนสีรถและนำไปเข็นเก็บซ่อนเอาไว้ จนถึงวันก่อเหตุช่วงตีสาม จึงเข็นรถออกมาก่อเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ เดิมทีเป็นสีฟ้า ต่อมามีเพื่อนนำไปทำสีเขียว ผู้ต้องหาจึงขอซื้อกลับมาและเปลี่ยนเป็นสีดำเพื่อเตรียมก่อเหตุ โดยยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจเลือกสีดำโดยเฉพาะ เพียงแค่ต้องการให้ต่างไปจากเดิม และเพื่อเบี่ยงเบนการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ต้องหาระบุอีกว่า ไม่เคยขับรถไปดูลาดเลามาก่อน วันก่อเหตุก็ขับไปแล้วก่อเหตุทันที ส่วนสาเหตุที่ใช้เรือเป็นยานพาหนะหลบหนีต่อจากจักรยานยนต์ เพราะคิดว่าทางน้ำไม่น่าจะมีกล้องวงจรปิด โดยได้ขับเรือไปจอดไว้บริเวณหลังบ้านซึ่งห่างออกไปประมาณ 100 เมตร ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน และเรือที่ใช้ก็ยืมมาจากชาวบ้านในละแวกนั้น ยอมรับว่าวางแผนลงมือมาประมาณ 1 อาทิตย์ จึงก่อเหตุ
ส่วนหลังก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามถนนบางนาตราด ก่อนเลี้ยวเข้าซอยสนามกอล์ฟธนาซิตี้ แล้วขี่รถทิ้งลงไปในคลอง ทิ้งเสื้อผ้าและชุดไรเดอร์ที่ใชก่อเหตุไว้ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า นำทองจากกระเป๋าสะพายใส่กระสอบ จากนั้นขึ้นเรือท้องแบนของน้องชายที่มารอรับใต้สะพาน โดยมีการนัดหมายกันไว้ ก่อนขับเรือกลับมายังบ้านพักที่อยู่ใกล้คลองบ้านระกาศ และ ใช้ชีวิตตามปกติ
พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้ หลังเกิดเหตุผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ให้ความสำคัญ โดยทางชุดสืบสวนและสอบสวนได้ตั้งคณะทำงานขึ้น และเริ่มลงมือทำงานตั้งแต่วันแรก สิ่งที่มีคือหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่ได้จากที่เกิดเหตุ ทั้งรูปพรรณสัณฐานต่างๆ รวมถึงยานพาหนะในวันเกิดเหตุ
ที่สำคัญ เราทราบเส้นทางของคนร้ายตั้งแต่เดินทางมาก่อเหตุจนถึงหลบหนี ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากกล้องของเจ้าหน้าที่มีจำนวนน้อย เราได้รับภาพจากกล้องติดรถยนต์ของประชาชนกว่า 100 คัน ทุกคันให้ความร่วมมืออย่างดี โดยเฉพาะกล้องติดหน้ารถยนต์ของพลเมืองดีท่านหนึ่ง ซึ่งทำให้เราพบจุดสำคัญที่คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้ง และตั้งสมมุติฐานได้ว่าคนร้ายใช้เส้นทางหลบหนีทางเรือ
จากนั้นจึงมีตัวผู้ต้องสงสัย และขอหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบหลักฐานเป็นสร้อยคอทองคำ อาวุธปืนแบงก์กัน 4 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ปืนลูกซองยาวพร้อมเครื่องกระสุน 48 นัด กระสุนปืนขนาด 9 มม. อีก 48 นัด และกระสุนขนาด .22 อีก 50 นัด รวมทั้งหลักฐานอื่นๆ อีกหลายรายการ การตรวจค้นครั้งนี้ทำให้ผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐาน และสามารถขยายผลยึดทรัพย์สินกลับคืนมา รวมถึงควบคุมตัวลูกพี่ลูกน้องที่ช่วยผู้ต้องหาหลบหนี
พล.ต.ต.วิชิต กล่าวด้วยว่า คดีนี้ผู้ต้องหามีการวางแผนอย่างซับซ้อน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความพยายามอย่างสูง และต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ด้าน พันตำรวจเอก ชูตระกูล ยศมาดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ คุมงานสืบสวน กว่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาแบ่งจุดซ่อนทองไว้ โดยจุดแรกที่ตู้ลำโพงในบ้านจำนวนประมาณ 40 บาท ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาต้องแยกจุดซ่อนทอง จึงใช้คนที่ผู้ต้องหาไว้วางใจกล่อม จนเผยจุดซ่อนทองจุดที่ 2 ซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้านถูกฝังดินไว้ใต้ต้นไม้ จุดนี้พบประมาณ 50 บาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 บาท จากการสอบสอนทราบว่า ผู้ต้องหาน่าจะซุกซ่อนเอาไว้อีก แต่ผู้ต้องหายังให้การอ้างว่า ทำตกหล่นในคลองระหว่างหลบหนี ทางตำรวจก็ใช้นักประดาน้ำของตำรวจไปงม แต่ก็ไม่พบ จากนี้จะเค้นสอบผู้ต้องหาถึงจุดซ่อนทองต่อไป
พลตำรวจโท สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า คดีนี้ทางผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ได้ให้ความสนใจ ระดมสรรพกำลัง ทั้งสืบภาค สืบจังหวัด สืบสวนทุกโรงพัก ในจังวัดสมุทรปราการ ระดมกำลังแบ่งงานกันทำ จนทราบตัวคนร้าย ซึ่งคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดีทั้งก่อนก่อเหตุ และ หลังก่อเหตุ แต่งกายมิดชิด ปกปิดใบหน้า ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าคดีค่อนข้างยาก เพราะมีการใช้รถและเรือในการหลบหนี ก็ต้องขอบคุมเจ้าหน้าที่ทุกนายที่สามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีจนได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลาง ทองคำรูปพรรณ สร้อยข้อมือ จำนวน 36 เส้น น้ำหนัก 89 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ พีซีเอ็กซ์ สีดำ เสื้อคลุมสีเขียว พนักงานขนส่งสินค้า Grab จำนวน 1 ตัว กางเกงขาวยา สีดำ แถบเหลือง ยี่ห้อMizuno จำนวน 1 ตัว รองเท้าผ้าใบ ยี่ห้อไนกี้ 1 คู่ ถุงมือสีดำ 1 คู่ หมวกนิรภัยสีดำ 1 ใบ เรือกระบะ ท้องแบน 1 ลำ อาวุธปืน Berretta 92 (Blank Gun) จำนวน 1 กระบอก
ตำรวจแจ้งข้อหา ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือเพื่อพ้นการจับกุม, ร่วมกันรับของโจร, มีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภาพ/ข่าว เรืองริชม์ ปันเจริญธนกฤต ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.สมุทรปราการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง