BBC และ CNN รายงานว่าหลายประเทศทั่วโลกออกมาแสดงปฎิกริยาตอบโต้หลังรัฐบาลอิสราเอลอนุมัติรับรองแผนยึดครองกาซาซิตี้ของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (ศุกร์ที่ 8 สค.) เริ่มจากนายโวลเกอร์ เติร์ก ผู้อำนวยการสำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็นที่ออกมากล่าวว่าสงครามกาซาจะต้องยุติเดี๋ยวนี้ พร้อมเดือนว่าการยกระดับการสู้รบจะยิ่งทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและทุกข์ทรมานมากขึ้น
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่พูดชัดว่าแผนยึดครองกาซาซิตี้ของอิสราเอลมีเป็นสิ่งที่ผิด และมีแต่จะทำให้เกิดการนองเลือดมากขึ้น ทั้งไม่ช่วยให้ฮามาสปล่อยตัวประกันหรือทำให้เกิดการหยุดยิง พร้อมเรียกร้องอิสราเอลให้ทบทวนการตัดสินใจ
ด้านกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงแสดงความวิตก พร้อมเรียกร้องอิสราเอลให้ยุติแผนอันตรายดังกล่าว ชี้กาซาเป็นของชาวปาเลสไตน์และเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนปาเลสไตน์ การแก้วิกฤตมนุษยธรรมและหนทางที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันคือการหยุดยิงโดยทันที
ขณะที่เพนนี หว่องรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียก็วอนอิสราเอลอย่าเลือกเส้นทางนี้ ชี้มีแต่จะทำให้วิกฤตมนุษยธรรมในกาซายิ่งเลวร้าย และว่าการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นมาเคียงข้างรัฐอิสราเอลเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
ด้านกระทรวงต่างประเทศตุรกีเรียกร้องประชาคมโลกออกมาสกัดแผนยึดครองกาซาของอิสราเอล เตือนเป้าหมายที่แท้จริงของอิสราเอลคือการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวปาเลไตน์ออกจากกาซา
มีแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐที่ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับอิสราเอล พร้อมโทษฮามาสว่าถ่วงการเจรจาไม่ให้คืบหน้า และไม่ต้องการบรรลุข้อตกลงอย่างจริงจัง
ขณะที่แหล่งข่าวอิสราเอลเผยกับ CNN ว่าอิสราเอลกำหนดแผนยึดครองกาซาเอาไว้หลายเฟส โดยเฟสแรกจะมีขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวันครบ 3 ปีนักรบฮามาสบุกโจมตีพื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอล และเป็นจุดกำเนิดของสงครามกาซา โดยเฟสแรกจะเริ่มด้วยการอพยพชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดออกจากกาซาซิตี้ และการขยายพื้นที่ปฏิบัตการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ยกเว้นกาซาซิตี้ เพื่อจูงใจให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้อิสราเอลคาดการณ์ว่าปฏิบัติการทั้งหมดจะใช้เวลาราว 5 เดือน