“นักวิเคราะห์” ชาวกัมพูชา ชี้เหตุเขมรพ่ายสงครามสื่อในสายตาโลก เพราะ “ฮุน เซน” วางระบบควบคุมข่าว กวาดล้างเสรีภาพจนเกลี้ยงประเทศ

เดอะ ดิปโพลแมต ( The Diplomat) นิตยสารข่าวชื่อดังเกาะสถานการณ์ในเอเชีย-แปซิฟิก ลงบทวิเคราะห์ ชี้เหตุผลข้อเดียว ที่ทำให้กัมพูชากำลังแพ้สงครามข่าวสารแก่ไทย ต่อให้ใช้เรื่องเล่าเล่นบทเหยื่อ เป็นเพราะขาดสื่ออิสระ ที่ระบอบฮุน เซนกวาดล้างจนเกลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน ส่วนไทยแม้ประชาธิปไตยลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ความเป็นอิสระของสื่อยังคงมีอยู่

“นักวิเคราะห์” ชาวกัมพูชา ชี้เหตุเขมรพ่ายสงครามสื่อในสายตาโลก เพราะ “ฮุน เซน” วางระบบควบคุมข่าว กวาดล้างเสรีภาพจนเกลี้ยงประเทศ – Top News รายงาน

นักวิเคราะห์

 

บทความชิ้นนี้เขียนโดย คุณเจย์ โสพันกัลยัน (Jay Sophalkalyan) ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาที่เกิดและเติบโตในกัมพูชา ปัจจุบัน พำนักในสหรัฐฯ โดยใช้พาดหัวว่า “เหตุใดกัมพูชากำลังพ่ายสงครามข่าวสารกับประเทศไทย” เนื้อหาเริ่มจากการให้ภาพกว้างของกระแสชาตินิยมที่แผ่ขยายเข้าไปในโลกไซเบอร์ หลังจากไทยและกัมพูชาปะทะกันที่ชายแดน เหล่าคนดังบนโซเชียลมีเดียของกัมพูชาออกมาเคลื่อนไหว พยายามคัดง้างกับสิ่งที่พวกเขามองว่า เป็นเรื่องเล่าระดับโลก เอนเอียงและเป็นบวกกับไทย  มองว่าสื่อต่างประเทศให้ภาพไทยน่าเห็นใจมากกว่า เป็นเพราะไทยมีอำนาจมากกว่า มีการเชื่อมโยงที่ดีกว่า หรือได้รับความนิยมในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากกว่า

(1) ยกตัวอย่าง อินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้และไลฟ์สไตล์ สเรย์ เนียเนีย (SreyNea Nea) ที่ทำคลิปตั้งคำถามว่า “เพียงเพราะไทยใหญ่กว่า มีสื่อทำข่าวมากกว่า เวลานี้ชาวกัมพูชาเลยเป็นผู้ร้ายเช่นนั้นหรือ”

(2) อีกคลิปที่เป็นไวรัล มาจากนักร้องนักแต่งเพลง ซิโนรา โร้ท (Sinora Roath ) เธอบอกว่า “ไทยรุกรานกัมพูชา เพราะอยากได้ปราสาทของเราอีก ทำไมพวกคุณถึงโลภมากอย่างนี้นะประเทศไทย ประเทศของคุณใหญ่กว่าเรา มีประชากรมากกว่าเรา อาหารของคุณไปไกลทั่วโลก เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดชาติหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วยังต้องการอะไรจากประเทศแบบเราอีก การนำเสนอข่าวก็ใหญ่โตจนเมื่อบอกกับโลกว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกราน โลกก็เชื่อคุณ”

 

(3)และ คริส ไดนา ( Chris Dyna ) คอนเทนต์ครีเอเตอร์หนุ่ม เสริมว่า “การเป็นประเทศเล็ก ๆ มันยากมากเลยที่เสียงของพวกเราจะได้รับฟัง สำนักข่าวหลายแห่งรายงานจากในไทยหรือจากฝั่งไทยเท่านั้น บางสื่อรายงานโดยใช้คนไทย และรายงานอย่างมีอคติชัดเจน”

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นมีม หรือการแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ หนึ่งในประเด็นหลักคือไม่พอใจจุดโฟกัสของสื่อต่างประเทศ ทั้งที่ความเบี่ยงเบนในการรับรู้ระดับโลกนั้น มาจากข้อเท็จจริงใกล้ตัว นั่นคือ กัมพูชาไม่มีเสรีภาพสื่อ

 

แม้ว่าไทยมีประวัติการก่อรัฐประหารบ่อยครั้ง แต่ยังถือเป็นประเทศประชาธิปไตยแบบมีข้อบกพร่อง ( flawed democracy) จากการจัดกลุ่มของ “อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนส์ ยูนิต” ส่วนองค์กรจับตาสื่อระดับโลก อย่าง ฟรีดอม เฮาส์ ยังให้ไทยเป็นประเทศที่มีเสรีภาพสื่อบางส่วน นอกจากนี้ ไทยยังจัดการเลือกตั้งสม่ำเสมอ สนับสนุนภาคประชาสังคม และยังคงรักษาสภาพแวดล้อมสื่อที่ค่อนข้างหลากหลาย แม้ปฏิบัติงานภายใต้ข้อจำกัดบางอย่าง ยังคงเซ็นเซอร์ตัวเองและอยู่ในกรอบเข้มงวดภายใต้กฎหมายหมิ่นสถาบัน กระนั้น การรายงานเชิงวิพากษ์วิจารณ์ยังคงทำได้ ไม่ว่าจะสื่อออนไลน์ หรือสื่อภาษาอังกฤษ

กรุงเทพ เป็นที่ตั้งสำนักงานสื่อ หรือมีผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคของสำนักข่าวต่างประเทศใหญ่ ๆ หลายแห่ง เช่น รอยเตอร์ส บีบีซี สำนักข่าวเอพี อัลจาซีรา ไฟแนนเชียลไทมส์ และ NBC จำนวนมากมีการติดต่อสมาคมกับ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย หรือ FCCT ในกรุงเทพ

ต่างจากกัมพูชา แม้มีการจัดเลือกตั้งเป็นระยะ แต่ถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นประเทศเผด็จการพรรคเดียว ภายใต้การครอบงำของพรรคประชาชนกัมพูชา หรือ CPP   ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพรรค CPP ทำลายสื่ออิสระอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการปิด “เสียงแห่งประชาธิปไตย” หรือ VOD หนึ่งในสื่อใหญ่รายสุดท้ายที่ยังกล้าท้าทายข้อมูลจากฝั่งรัฐบาลในปี 2566 ก่อนหน้านั้น ในปี 2560 วิทยุเอเชียเสรี หรือ RFA ตัดสินใจปิดสำนักงานในกรุงพนมเปญ โดยให้เหตุผลว่า เผชิญกับการคุกคามจากรัฐบาลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในปีเดียวกัน ทางการกัมพูชาสั่งปิดสถานีวิทยุท้องถิ่นอีกกว่า 24 แห่ง จำนวนมากนำรายการของวิทยุเอเชียเสรีไปออกอากาศซ้ำ อันเป็นการทำให้เสียงวิจารณ์ทางวิทยุเงียบไปโดยปริยาย นอกจากนี้ “คัมโบเดีย เดลีย์” สื่อภาษาอังกฤษ ที่เคยเป็นเสาหลักการรายงานเชิงสืบสวนมาอย่างยาวนาน ก็ต้องปิดตัวลงเช่นกัน หลังจากถูกเล่นงานด้วยภาษีแบบไม่ทันตั้งตัว ปีถัดมา พนมเปญ โพสต์ ถูกบีบขายกิจการให้กับนักลงทุนที่เป็นมิตรกับรัฐบาลพนมเปญ

สื่ออิสระถูกขจัดไปหมดสิ้นแล้ว เมื่อตอนที่มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 ที่ผลปรากฏว่า พรรค CPP กวาดที่นั่งได้แบบหมดสภา 125 ที่นั่ง

 

 

 

บทความยังเอ่ยถึงชะตากรรมของผู้สื่อข่าวหลายคนต้องเผชิญ ขณะพยายามเปิดโปงความจริง โดยเฉพาะปัญหาการยึดที่ทำกิน การทุจริตหรือการละเมิดทางการเมือง  บ่อยครั้งนักข่าวถูกคุกคาม ถูกสอดแนม ต้องหนีไปลี้ภัยหรือถูกจำคุก เหล่านี้เป็นเหตุผลว่า ทำไมการรายงานจากฝั่งกัมพูชาจึงน้อยนิดในระหว่างปะทะกับไทย เหตุใดไม่มีสื่อใหญ่นำเสนอข่าวจากฝั่งกัมพูชามากนัก

ในฐานะที่เป็นชาวกัมพูชา ผู้เขียนเห็นเพื่อนร่วมชาติคุ้นชินกับความคิดว่า การแสดงความเห็นเป็นอันตราย และบางเรื่องไม่ควรพูดออกสู่สาธารณะ หลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครวิตกเรื่องเสรีภาพสื่อกันเท่าไหร่ แต่ทันใดนั้น ความโกรธแค้นข่าวบิดเบือน และอคติสื่อต่างประเทศ กลับเป็นกระแสขึ้นมา ทั้งหมดเป็นเพราะมีการการรับรู้เรื่องเล่าจากกรุงเทพมากกว่าจากพนมเปญ

ผู้เขียนสรุปว่า กัมพูชาจะไม่ชนะสงครามพีอาร์ในยุคข้อมูลข่าวสาร ด้วยการมอบสคริปต์เหมือนกันไปหมด ให้กับบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ โดยไม่มีการพิสูจน์ทราบจากฝ่ายที่สาม หรือสื่ออิสระ เราขอให้โลกรับฟังเราไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลปิดทุกเสียงจากคนที่กล้าพูดอย่างอิสระ สงครามนี้ควรเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้นำกัมพูชา ตระหนักถึงหน้าที่บอกเล่าความจริงของสื่ออิสระ  การปิดเสียงเงียบ ทำให้รัฐบาลกัมพูชาสูญเสียความน่าเชื่อถือที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อเรื่องราวในมุมมองของตน

ขอบบทความ : Jay Sophalkalyan

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เคเบิ้ลสะพานแขวนจีนขาดเทกระจาดนักท่องเที่ยว
เริ่มแล้ว! ภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ทั่วโลก 7 สิงหาคม
"คีรี" ลั่น BTS พร้อมทำทุกเรื่องเพื่อประโยชน์สังคม หลังกระแสตอบรับดีสุด แคมเปญ "ขบวนรถไฟฟ้า ผืนธงชาติไทยยาวที่สุด"
ไร้คู่แข่ง! “ไชยา พรหมา” นั่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 เจ้าตัวยืนยันพร้อมทำหน้าที่ วางตัวเป็นกลาง
จังหวัดตราด ร่วม อุทยานฯเกาะช้าง และ หน่วยงานท่องเที่ยวตราดจับมือปลุกพลังท่องเที่ยวเชิงกีฬาอีกครั้ง กับงาน เกาะช้างเทรล 2025
"กมธ.แรงงาน" เผยเชิญทูตกัมพูชา-ตม. เข้าเเจง ชี้ยังมีแรงงานกัมพูชาในไทยกว่า 2 ล้านคน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​