รอยเตอร์สรายงานว่าทรัมป์ได้บอกกับนักข่าวที่ห้องรูปข่าว ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (พุธที่ 6 สค.) ว่าบริษัทผู้ผลิตและส่งออกชิปและเซมิคอนดัคเตอร์มายังสหรัฐจะถูกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 100% ยกเว้นบริษัทที่มีฐานการผลิตในสหรัฐหรือมีแผนที่ย้ายโรงงานมาอยู่ที่สหรัฐ
ทรัมป์เตือนด้วยว่าใครก็ตามที่สัญญาว่าจะมาแล้วเปลี่ยนใจไม่มาด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เขาจะตามเก็บภาษีย้อนหลังอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำสหรัฐเมื่อวานนี้ไม่ใช่คำประกาศอย่างเป็นทางการ และทรัมป์ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดจึงยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทไหนหรือประเทศใดจะโดนบ้าง
ด้านไต้หวันออกมาประกาศทันทีว่า TSMC บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของไต้หวันจะได้รับการยกเว้นเนื่องจากได้ย้ายไปตั้งโรงงานที่สหรัฐ นอกจากนี้ก็ผลิตชิปป้อนบริษัทอเมริกันส่วนใหญ่
ขณะที่เกาหลีใต้ก็ออกประกาศเช่นกันว่าซัมซุง อิเลคทรอนิคและเอสเค ไฮนิกซ์ก็รอดจากกำแพงภาษีดังกล่าว เพราะซัมซุงมีโรงงานชิป 2 แห่งที่รัฐเท็กซัส ขณะที่เอสเค ไฮนิกซ์ประกาศจะไปสร้างโรงงานประกอบชิปชั้นสูงรวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา AI ที่รัฐอินเดียน่า
มาร์ติน ชอร์เซมป้า ผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันกล่าวว่าภาษีชิปและเซมิคอนดักเตอร์ 100% ของทรัมป์น่าจะมุ่งเป้าไปจีนมากกว่าเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตชิปส่วนใหญ่พากันย้ายฐานการผลิตไปทีสหรัฐกันเป็นจำนวนมากแล้ว ยกเว้นบริษัทของจีน รวมทั้งหัวเหว่ยและ SMIC นอกจากนี้เกาหลีใต้, ญี่ปุ่นและอียูก็บรรลุข้อตกลงการค้าและภาษีกับสหรัฐเรียบร้อยก็จะช่วยให้มีภาษีดีกว่าจีนที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา โดยอียู, เกาหลีใต้และญี่ปุ่นกล่าวว่าสหรัฐตกลงที่จะใช้อัตราภาษีเดียวกับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่รวมทั้งชิป รถยนต์และยาที่ 15% ขณะที่การบังคับใช้ภาษีตอบโต้ทรัมป์ก็เริ่มผลบังคับใช้ทั่วโลกแล้วในวันนี้ (7 สค.)