“ท็อป นิวส์” ยันข้อมูลจริง สื่อรัฐบาลกัมพูชา มั่วโจมตี นำเสนอข่าว Fake news ทหารไทย เข้ายึด 11 พื้นที่ ชายแดน

"ท็อป นิวส์" ยันข้อมูลจริง สื่อรัฐบาลกัมพูชา มั่วโจมตี นำเสนอข่าว Fake news ทหารไทย เข้ายึด 11 พื้นที่ ชายแดน

วันนี้ 30 ก.ค.2568 เพจเฟสบุ๊ก PR Cambodian Government ซึ่งเป็นเพจประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลกัมพูชา ได้โพสต์ภาพแบนเนอร์กราฟฟิกของท็อปนิวส์ที่ให้ข้อมูล 11 พื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งกองทัพไทยสามารถยึดได้ จากเหตุสู้รบกับกองทัพกัมพูชา

โดยเฟสบุ๊ก PR Cambodian Government อ้างว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ พร้อมยืนยันว่าในขณะนี้กองทัพกัมพูชายังควบคุมพื้นที่ทั้งหมด 8 แห่งในอาณาเขตกัมพูชาได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมขอเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาอย่าหลงเชื่อและงดเว้นการเผยแพร่หรือแชร์ข่าวปลอมนี้

ทั้งนี้ท็อปนิวส์ยืนยันว่า ข้อมูลทหารไทยยึด 11 พื้นที่ชายแดนนั้น เป็นข้อมูลจริง โดยเป็นข้อมูลที่ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. นำมาแถลงเมื่อวานนนี้ 29 กรกฏาคม 2568

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อวานนี้ 29 กรกฎาคม 2568  ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า เรื่องแรก การมีการตกลงหยุดยิงเมื่อเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกันนี้ โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยมีการหยุดยิงในทุกพื้นที่ พอถึงกำหนดเวลาเราก็ได้หยุดยิงตามกำหนดข้อตกลงที่ให้ไว้ โดยยึดมั่นตามคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ผ่านมาจากที่เลยกำหนดเวลาหยุดยิงไปแล้ว พิสูจน์ทราบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธ ยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ไม่จริงใจ ละเมิดข้อตกลง และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน

“การกระทำของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเอง ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่ใช้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ปรากฏทราบว่า ทางฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นที่ปรากฏชัดว่า เป็นการละเมิด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อตกลงที่ให้กันไว้ ก็ถือโอกาสขอประณามถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สรุปสถานการณ์ พื้นที่การปะทะ ระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันเดียวกันนี้ ที่ไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้มีทั้งหมด 11 พื้นที่ ประกอบด้วย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก โดนตวล สัตตะโสม ช่องจอม ช่องสายตะกู พระวิหาร และพลาญยาว ที่ฝ่ายไทยสามารถคุมพื้นที่ได้ ณ เวลา 24.00 น.
สำหรับยอดรวมผู้อพยพมีทั้งสิ้น 188,729 คน โดยที่ผ่านมาผู้ได้รับผลที่เป็นพลเรือนมียอดเสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน ผู้บาดเจ็บปานกลาง 13 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมยอดทั้งสิ้น 53 คน เพิ่มขึ้น 1 ราย ที่จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ทีโรงพยาบาลทั้งหมด 14 ราย ส่วนสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด 13 แห่งแล้วก็ปิดบางส่วน 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.)ได้รับผลกระทบจำนวนทั้งสิ้น 175 แห่ง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนของฝ่ายความมั่นคงที่อยากจะให้ข้อมูลข่าวประชาชน คือเรื่องข้อตกลงหยุดยิงที่สองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเช้าวันที่ 29 ก.ค.ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มมีการหารือในระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ คือแม่ทัพภาค และผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆในพื้นที่ได้มีการหารือกันขอเน้นย้ำว่าอันนี้ไม่ใช่เป็นการประชุมคณะชายแดนส่วนภูมิภาค(อาร์บีซี) แต่เป็นการหารือในระหว่างผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ของทั้งสองประเทศเท่านั้น ซึ่งการหารือตรงนี้ก็เพื่อเป็นการกำหนดกรอบในเรื่องของแนวทางการปฎิบัติหลังจากที่เรามีการหยุดยิงแล้ว
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า โดยกรอบแนวทางที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหารือกัน ประกอบด้วย 5 เรื่องด้วยกันก็คือ 1.เรื่องของการหยุดยิง 2.เรื่องของการห้ามยิงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ 3.เรื่องของหยุดการเพิ่มเติมกำลัง 4.ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งอยูที่ใดก็ขอให้อยู่ในที่นั้น และ 5 เรื่องแนวทางการส่งกลับผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตตลอดจนผู้ถูกควบคุม ซึ่งจะกำหนดแนวทางกันยังไง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงหารือแล้วก็นำมาไปสู่ข้อยุติแล้วก็ข้อตกลงด้วยกัน
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สุดท้ายที่อยากจะฝากในส่วนของเรื่องความมั่นคง โดยเรื่องการเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ ที่เป็นประเด็นสำคัญที่ในระยะเวลาที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าจะมีการโจมตีทางไซเบอร์ในเว็บไซต์หรือในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆมีการใช้เอไอ การใช้ข่าวปลอม ข่าวลวงต่างๆ ก็อยากจะฝากถามพี่น้องประชาชน ใช้วิจารณญาณในการติดตามในการแชร์ข้อมูลข่าวสารทั้งหลาย รวมไปถึงในเรื่องของการรายงานรีพอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถ้าหากตรวจพบว่ามีการละเมิดทางไซเบอร์ โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) จะติดตามในเรื่องนี้ และฝากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันติดตามสืบเสาะในการละเมิดทางไซเบอร์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิบไตยจากการโจมตีจากกัมพูชาที่ยังมีอยู่ในบางพื้นที่ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และทันที ขอย้ำว่าการหยุดยิงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่สถานการณ์ที่ลดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ การที่ฝ่ายไทยส่งทีมไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ด้วยความตั้งใจที่จะแสดงจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน และทางรัฐบาลได้แจ้งเน้นย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการรุกล้ำอธิบไตย การสูญเสียชีวิตทั้งทหาร และพลเรือน ความเดือดร้อนของประชาชนชายแดน การเหยียบกับระเบิด และการคุกคามยั่วยุต้องไม่เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาดูแลคนไทยในกัมพูชาตามที่ประเทศไทยดูแลคนกัมพูชาในประเทศไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตามฝ่ายไทยมีความพร้อม และความจริงใจในการหาทางออกร่วมกันโดยข้อหยุดยิงที่เห็นชอบทั้งสองฝ่าย ถือเป็นความสำเร็จขั้นต้น และก้าวแรกเพื่อที่จะนำมาสู่ความสงบและปลอดภัยตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอเน้นย้ำถึงการเจรจาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.เป็นการรื้อฟื้นให้ทั้งสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะเจรจาแบบทวิภาคี  โดยช่วงเช้าเป็นที่น่ายินดีที่มีการเจรจาอยางไม่เป็นการของแม่ทัพภาคทั้งสองประเทศ ซึ่งในอนาคตจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ในเดือนกันยายน และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) วันที่ 4 สิงหาคม สำหรับประชาชนที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจะได้กลับบ้านในเร็ววันนี้ แต่ขอให้รอสักนิดเพราะสถานการณ์ยังมีความเปราะบาง จากนี้ไปไทยอยากเห็นความสุจริตใจจากัมพูชา ทั้งเรื่องการหยุดโจมตีพลเรือน การหยุดยิงที่อยู่บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
“ขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิบไตย บูรภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ไตรศุลี" นำทัพ สส.ภูมิใจไทย ลงพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร ให้กำลังใจ "ชรบ." ทำงานด้วยใจ ไร้อุปกรณ์ป้องกันภัย ชี้ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก อยากเห็นสันติภาพหยุดยิงจริง
"กรมอุตุฯ" เตือน ฝนตกหนัก เช็ก 33 จว.อ่วม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.ก็โดนด้วย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ปักกิ่งจัดทำกฎหนังสือเดินทางสินค้าดิจิทัลแห่งแรกของโลก
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนส่งมอบอากาศยาน eVTOL หนัก 2 ตันลำแรกของโลก
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทีมนักกีฬาจีนทุบสถิติโลก 'โดดเชือก'
"มูลนิธิยังมีเรา" ร่วม "ท็อปนิวส์" รับแจ้งด่วน แฟนข่าว ศรีสะเกษ เดือดร้อนประสบภัยเหตุปะทะชายแดน รุดช่วยเหลือทันที

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​