ทางด้านนายพรพิชิต ทองหมื่น ผู้อำนวยการโรงเรียนทุ่งเทิงยิ่งวัฒนา ได้กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นแฟนข่าว แฟนรายการ สถานีข่าว ท็อป นิวส์ ที่ร่วมบริจาคเงินผ่านมูลนิธิยังมีเร และเงินสนับสนุนดังกล่าวได้ถูกส่งมอบต่อให้กับทางศูนย์พักพิงแห่งนี้ นำไปร่วมสมทบซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเลี้ยงผู้ที่เข้ามาพักพิง

อย่างไรก็ตามขณะที่สถานการณ์ยังไม่สงบ และไม่น่าไว้วางใจ ชาวบ้านหลายคนยังกังวล และไม่เชื่อใจกัมพูชา จึงไม่กล้ากลับเข้าไปยังบ้านพักของตนเอง สุดท้ายนี้ ตนเองขอส่งกำลังใจ พร้อมทั้งขอบคุณทหารหาญทุกนาย ที่ช่วยปกปักษ์รักษาอธิปไตยของไทยทุกตารางนิ้ว

ขณะที่นางสาว ริน มาสุข อายุ 63 ปี ชาวนาจากอำเภอน้ำขุ่น ที่อพยพมายังศูนย์พักพิง เล่าเหตุการณ์ทั้งน้ำตาว่า ในวันที่กัมพูชาระดมยิง BM-21 ใส่พื้นที่ชุมชน จนเสียงดังสนั่น ตนเองอยู่ในท้องนาคนเดียว ต้องรีบอพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิง ซึ่งที่นี่ต้อนรับเป็นอย่างดี ที่หลับที่นอนอบอุ่น อาหารการกินครบ 3 มื้อ แต่ก็รู้สึกทุกข์ใจ อึดอัดใจ เพราะเป็นห่วงวัว ควายที่อยู่ในคอกไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ตนเองก็ยังนึกถึงทหารหาญ ที่ต่อสู้เพื่อเรา และขอส่งกำลังใจไปให้กับทหารทุกนายที่อยู่แนวหน้า

เช่นเดียวกันกับนายพงษ์เทพ เต้นรำ อายุ 35 ปี ที่ตัดสินใจอพยพออกมา เพราะไม่เชื่อใจว่าทางกัมพูชา จะไม่หยุดยิงจริง ๆ ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทย และกัมพูชา จะมีประกาศให้ยุติการยิงแล้วก็ตาม โดยส่วนตัวเชื่อว่า กัมพูชาจะยังไม่หยุดยิง เพราะเหตุการณ์สู้รบเมื่อปี 54 ทางฝั่งกัมพูชา ก็เคยโกหกมาแล้ว

ทั้งนี้สำหรับแฟนข่าวท็อปนิวส์ และผู้มีจิตศรัทธา ก็ยังร่วมบริจาคเงิน และสิ่งของเข้ามาได้ที่มูลนิธิยังมีเรา หรือ สถานีข่าวท็อปนิวส์ ได้ตลอด ซึ่งพวกเราจะนำสิ่งของธารน้ำใจส่งตรง มอบให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อไป