อ.เขาสมิง จ.ตราด/เวลา 10.30 น.วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย และเลขานุการ เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดตราด มีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจ.ตราด นายพีระ เอี่ยมโสภณ นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจ.ตราด ปลัดจังหวัดและนายอำเภอเมืองตราดร่วมให้การต้อนรับ
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวหลังจากได้รับฟังรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดตราดแล้ว ได้กล่าวกับที่ประชุมว่า การมาครั้งนี้ก็เพื่อติดตามสถานการณ์จริงในพื้นที่ รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะมาเป็นกำลังใจ และยืนยันให้ทุกท่านได้รู้ว่า ตนเองในนามรัฐบาล และในนามกระทรวงมหาดไทย และในฐานะคนไทย พร้อมอำนวยการ ประสานงานสนับสนุน ทุกภารกิจ ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และพร้อม ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนที่ต้องประสบกับสถานการณ์ความยากลำบากที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย และสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติให้เร็วที่สุด ซึ่งจากคำรายงานของท่านผู้ว่าราชการจ.ตราดนั้น ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สังการชายแดนจังหวัด ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” เตรียมความพร้อม และกำซับให้ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ ท้องถิ่น ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมถึงสมาชิกอาสารักษา ดินแดน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ และเข็มแข็ง ทั้งในด้านกลยุทธ์ ด้านการข่าว ด้านการสร้างขวัญกำลังใจ ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และการช่วยเหลือเยียวยาให้ดีที่สุด
“ทั้งนี้ขอให้ทุกคนที่มีหน้าที่ตามบทบาทและหน้าที่ให้ดี คือ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการดูแลพี่น้องประชาชนในศูนย์พัก พิงชั่วคราว ในด้านเครื่องอุปโภค บริโภค การจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร ที่พักอาศัย เครื่องมืออุปกรณ์ขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ความปลอดภัยในพื้นที่พักผิงชั่วคราว ความปลอดภัยบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งให้สำรวจและเตรียมความพร้อมของยานพาหนะ ยุทธภัณฑ์ เส้นทางคมนาคมและเตรียมหลุมหลบภัยให้พร้อมใช้งานเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ให้การสนับสนุนทุกช่องทาง สำหรับการเตรียมความพร้อมของกำลังพลเพื่อปฏิบัติงานในยามฉุกเฉินอย่าได้ขาดตกบกพร่อง สุดท้ายให้ความสำคัญกับการสื่อสารในเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยและให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ งดเว้นการเข้า พื้นที่ปฏิบัติงานของฝ่ายทหาร ระมัดระวังการสื่อสารที่เป็นเท็จ (Fake News)อย่าให้เกิดขึ้น