ฉะเชิงเทรา เขมรเตรียมกลับบ้านแห่ขายของรถราคาถูกเริ่มต้นที่ 500 บาท

นี่เป็นคลิปภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา (25 ก.ค. 68 ) บริเวณหน้าหอพักภายในซอยบางสาย หมู่ 9 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา เผยให้เห็นภาพความชุลมุนวุ่นวายที่เหล่าแรงงานชาวกัมพูชา ตกลงขายรถจักรยานยนต์กว่า 200 คันให้กับคนไทยในราคาเริ่มต้นที่ 4,000-7,000 บาท ซึ่งคนที่ทราบข่าวหรือเต็นท์รถมือสอง ได้มายืนรอเลือกซื้อกันอย่างคึกคัก ทำให้ช่วงสายวันนี้ ( 26 ก.ค. 68 ) ผู้สื่อข่าวได้ทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นหอพักจำนวนมาก ที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่นับพันคนในบริเวณนั้น ซึ่งก็พบว่าในช่วงเช้านี้มีแรงงานชาวกัมพูชา เริ่มขนของ เสื้อผ้าเครื่องใช้ ออกมากองรวมกันด้านนอกอาคาร เพื่อเตรียมเดินทางกลับบ้านเกิดที่ประเทศกัมพูชา โดยยังพบว่ามีคนไทยมารอซื้อรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่แรงงานกัมพูชาไม่สามารถขนกลับไปได้ นำออกมาวางขายเป็นจำนวนมาก อาทิ ตู้เย็นขายในราคาตู้ละ 2,000 บาท รถจักรยานที่จอดเรียงรายนับร้อยคันขายคันละ 500 บาท ซึ่งขณะที่ผู้สื่อข่าวทำข่าวอยู่นั้น พบแรงงงานชาวกัมพูชาขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ซูเมอเอ๊กซ์ เข้ามาจอด เพื่อขายให้กับคนไทยโดยมีสมุดเล่มรถจักรยานยนต์อย่างถูกต้อง ขายในราคาคันละ 4,000 บาท เพราะต้องการนำเงินก้อนสุดท้ายกลับประเทศบ้านเกิด ขณะที่บรรยากาศโดยรอบพบว่าเริ่มมีรถตู้มาจอดรอรับชาวกัมพูชาเหล่านี้ที่เตรียมอพยพกลับบ้านเกิดในช่วงสายของวันนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายปรมะ แป้นศิริ อายุ 30 ปี ชาวบ้านที่ทราบข่าวเปิดเผยว่า วันนี้ตนเองเดินทางมารับซื้อรถจักรยานยนต์ของแรงงานชาวกัมพูชาอีกครั้ง หลังเมื่อวานนี้มีแรงงานกัมพูชานำรถจักรยานยนต์ไปขายให้ตนที่เต็นท์รถในราคา 4-5,000 บาท มีสมุดเล่มพร้อม ตนเองจึงรับซื้อไว้บางส่วนและเดินทางมาดูรถและรับซื้อที่หน้าหอพัก ซึ่งเมื่อวานนนี้มีคนที่ทราบข่าว เดินทางมารับซื้อรถของชาวกัมพูชาไปแล้วกว่า 200 คัน แต่พอมาวันนี้รถเริ่มหมดแล้ว จะเหลือเพียงรถจักรยานยนต์ของชาวกัมพูชาที่อยู่หอพักอื่น ที่ทราบข่าวมาตรงจุดนี้มีคนรับซื้อรถ ก็จะขี่มาขาย แต่จำนวนไม่มากเหมือนช่วงค่ำวานนี้

นายริน ซอ อายุ 37 ปี (เสื้อเทาใส่หมวก) เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งจะมาทำงานที่ประเทศไทยได้ประมาณ 3-4 เดือน ซื้อรถจักยานยนต์ด้วยเงินสด แต่จำเป็นต้องขายรถเพราะเอากลับประเทศไม่ได้ ตนเองต้องกลับบ้านเพราะเกรงกลัวด้านความปลอดภัย ซึ่งกลับบ้านไปแล้วก็ยังไม่รู้จะไปทำงานหรือหากินอะไร แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นหรือสงบลงก็อยากเดินทางกลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีก

นายพิสา อายุ 39 ปี (เสื้อน้ำเงิน) เปิดเผยว่า หลังจากที่การยิงปะทะกัน พ่อแม่ที่บ้านได้โทรศัพท์มาอยากให้ตนเอง พาภรรยาและลูกๆ ที่มาทำงานอยู่ที่เมืองไทยกลับบ้านเกิด เพราะไม่รู้เหตุการณ์ในภายภาคหน้าว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นแค่ไหน ตนเองขายรถจักรยานยนต์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายเดินทางกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไปถึงชายแดนแล้วจะเดินทางออกได้ไหม แต่ตอนนี้ตนและเพื่อนๆ รวมชาติก็ขอเดินทางไปก่อน ส่วนโรงงานที่โรงงานนั้นเขาก็ไม่มีผลกระทบอะไร ให้พวกตนที่เป็นแรงงานชาวกัมพูชาลาออกได้

 

ภาพ/ข่าว ก้องเกียรติ พุทธิรังสิมาภรณ์ ผู้สื่อข่าว จ.ฉะเชิงเทรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครู-ครูบำนาญกว่า 300 ราย วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาหนี้สิน
ต่างชาติ กว่า 1,500 คน จาก "เคเคปาร์ค" หนีเข้าไทยต่อเนื่อง หลังตึกถูกระเบิดทิ้ง ห่างจากไทย 500 เมตร
"ผู้ว่าฯ ชัชชาติ" เผย กทม. ฝนตกหนักเกิน 100 มม. น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ระดับน้ำในคลองเพิ่มสูง เร่งพร่องน้ำต่อเนื่อง รับมือฝนตกซ้ำ
นปพ.น่าน รวบ “โก้ บ้านใหม่ดินแดน” พร้อมยาบ้า 300 เม็ด คาด่านห้วยน้ำอุ่น
ชลบุรี ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลลอยกระทง 2568
"นายกฯ" นำครม. ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง "ลอยกระทง ไท ไทย คารวาลัย พระแม่ของแผ่นดิน"

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​