กองทัพบกยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวงและจำเพาะเป้าหมายทางทหาร โดยเคร่งครัดต่อหลักสากล เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกเดินในทางตรงกันข้าม ด้วยการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน โดยใช้อาวุธหนักโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ได้แก่
“ปราสาทตาเมือนธม”
“ปราสาทโดนตรวน”
“ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ”
“โรงพยาบาลพนมดงรัก”
“บ้านเรือนประชาชน”
“ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์”
"เพจ SMART Soldiers Strong ARMY" โพสต์ให้ข้อมูล "กัมพูชา" โจมตี รพ.-บ้านปชช. ชัดเจนละเมิดอนุสัญญาเจนีวา
ข่าวที่น่าสนใจ
การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่เพียงการโจมตีทางกายภาพ แต่คือการโจมตีคุณค่าของอารยธรรมและจริยธรรมของโลก มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และนี่คือสิ่งที่กองทัพบกจะไม่มีวันให้อภัย
สำหรับ อนุสัญญาเจนีวานั้น หากเกิดสงครามสู้รบ สถานพยาบาลเป็นสถานที่ต้องห้ามในการโจมตี ตามหลักพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การโจมตีต่อสถานพยาบาลหรือสถานที่ที่ใช้รักษาผู้บาดเจ็บเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างชัดแจ้ง เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวไม่ใช่เป้าหมายทางการทหาร มีกฎหมายระหว่างประเทศหลายฉบับที่กล่าวถึงการห้ามการโจมตีต่อสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงอนุสัญญาเจนีวาหลายฉบับ ซึ่งมีความตกลงระหว่างประเทศภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายฉบับที่กล่าวถึงหลักการห้ามโจมตีสถานพยาบาล ยกตัวอย่างได้ดังนี้
อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 ว่าด้วยผู้บาดเจ็บ และป่วยในกองทัพในสนามรบ ค.ศ. 1949 ระบุไว้ในข้อ 19 โดยสรุปว่า สถานประจำและหน่วยทางการแพทย์เคลื่อนที่ของบริการทางการแพทย์นั้นห้ามมิให้ทำการโจมตีเลยไม่ว่าจะในพฤติการณ์ใดๆ และจะต้องได้รับความเคารพและความคุ้มครองจากภาคีคู่พิพาท
อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 เกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในเวลาสงคราม ค.ศ. 1949 ระบุไว้ในข้อ 18 โดยสรุปว่า โรงพยาบาลฝ่ายพลเรือนที่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ และป่วยไข้ ผู้ทุพพลภาพ และสตรีที่คลอดบุตรนั้น ห้ามมิให้ใช้เป็นจุดแห่งการโจมตีไม่ว่าในพฤติการณ์ใด ๆ แต่จะต้องได้รับความคุ้มครอง
โดยการโจมตีโรงพยาบาลถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรง และการกระทำโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม หากประเทศใดละเมิดข้อตกลงดังกล่าว อาจจะถูกนำไปฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง