“ชาญชัย” เผยพยานราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลมีพิรุธ เตรียมโชว์ใบเสร็จมัดผิด “หมอวรงค์” ฟันธงใกล้จบ ทักษิณป่วยดีขึ้น ไม่ส่งตัวกลับคุก

"ชาญชัย" เผยพยานราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลมีพิรุธ เตรียมโชว์ใบเสร็จมัดผิด "หมอวรงค์" ฟันธงใกล้จบ ทักษิณป่วยดีขึ้น ไม่ส่งตัวกลับคุก

วันที่ 15 ก.ค.68 ที่ศาลฎีกา มีการไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก แต่ไม่ได้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ และถูกส่งไปพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี และนายสมชาย แสวงการ อดีตสว. มาฟังศาลไต่สวนคดี

ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น นายชาญชัย ได้เปิดเผยว่า วันนี้มีการไต่สวนมีทั้งหมด 6 ปากซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ระดับผู้บัญชาการเรือนจำของกรมราชทัณฑ์มีสิ่งที่ศาลไต่สวนข้อเท็จจริง พบมีพิรุธเยอะมาก รวมทั้งแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ซึ่งโยงไปถึงโรงพยาบาลตำรวจด้วย ซึ่งตนได้ยื่นเรื่องกับสื่อมวลชนในฐานะที่เป็นผู้นำเรื่องมาเสนอที่มีความปรากฏต่อศาลจนกระทั่งการไต่สวนรวมถึงทนายความของนายทักษิณที่บอกว่าไม่ได้ติดค้างอะไรแต่ก็พยายามที่จะปิดปากไม่ให้สื่อลงข่าวข้อเท็จจริง ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องของการขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ให้สื่อมวลชนเสนอข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นอิสรภาพในการขอศาลวันนี้ เพราะวันนี้ก็ขอให้ศาลเปิดเผยข้อมูลคือให้อยู่เพียงในกรอบภาพรวมที่สามารถอธิบายได้ ซึ่งเรื่องนี้ทนายของนายทักษิณตนมองว่าหากเป็นตนจะขอให้เปิดข้อมูลทั้งหมดเลยเพื่อพิสูจน์ความจริง ที่บอกว่าตนเองไม่ผิดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจว่าไม่ผิด ซึ่งหากความจริงปรากฏจะเสียวไส้กับคนที่ไปช่วยนายทักษิณจะมีโอกาสที่จะติดคุกแทน และตนฟังดูว่าเหมือนเอาคนอื่นไปติดคุกแทนเพราะเป็นคนพานายทักษิณไปนอนโรงพยาบาลโดยไม่ใช่นายทักษิณเป็นคนสั่งไป

 

 

ทั้งนี้ในอาทิตย์หน้าจะนำใบเสร็จการรักษาพยาบาลมาเปิดเผยว่า ทำไมถึงเป็นชื่อของนายทักษิณที่จ่ายเงิน และเป็นนายทักษิณที่รู้ว่าไม่ได้ป่วย ซึ่งความจริงปรากฏอาทิตย์หน้าตนจะเปิดเผยให้สังคมรับรู้ว่านายทักษิณโกหกประชาชนอย่างไร และต้นตอของเรื่องนี้ทั้งหมด รวมถึงทำให้เกิดความวุ่นวาย ต้องเป็นขบวนการที่ทำให้เสียเวลา รวมถึงกระบวนการนี้ถ้าไม่ถูกเปิดเผยถึงสังคมการเรียนรู้ของสังคมไม่ครบถ้วนจะขาดตอน เพราะฉะนั้นศาลก็ระมัดระวังให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย วันนี้อาจจะมองไม่อยากให้สื่อนำไปลงรายละเอียดจนกระบวนการของศาลเวลาสืบพยานทำให้พยานคนต่อไปรู้ว่าคนก่อนพูดอะไรไว้ ซึ่งก็ต้องเห็นใจศาลเหมือนกัน

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายแพทย์วรงค์ เผยว่า เราได้แบ่งออกมาเป็นสองชุดคือชุดแรกที่เกี่ยวกับกรมราชทัณฑ์โดยเฉพาะคืออธิบดีกรมราชทัณฑ์ รองอธิบดีรวมถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ชุดสองคือเรื่องแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล ราชทัณฑ์ ซึ่งไฮไลท์ในวันนี้แทบจะน็อคทั้งหมด เพราะเกมทุกอย่างได้รับการเปิดเผย เป็นบทสรุปที่ถูกเปิดเผยว่านักโทษที่ถูกส่งตัวอ้างว่าวิกฤติ ป่วยด้วยโรคหัวใจ ฟังประเมินแล้วประมาณสองวันอาการทุเลาถือว่าอาการดีขึ้นและโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเสรีภาพในการรักษา ซึ่งในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 อาการของนายทักษิณทุเลาลงรวมถึงยาที่ใช้ในการรักษานายทักษิณโรงพยาบาลมีศักยภาพพอ ส่วนของราชทัณฑ์ศาลได้ซักถามข้อมูลถึงใบรับรองแพทย์ราชทัณฑ์ 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน ซึ่งพยายามซักถามว่าคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจให้นักโทษกลับมาอยู่เรือนจำหรือโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นใคร เพราะฝ่ายหนึ่งได้อ้างว่าเป็นอำนาจของฝ่ายราชทัณฑ์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเท่าที่ศาลสั่งให้เปิดนั้นก็เป็นอำนาจของแพทย์กลายเป็นว่าโยนกันไปกันมา แต่มีจุดพิรุธที่สังเกต คือวันที่ 22 สิงหาคม 66 ก่อนที่นักโทษจะมีการส่งตัวหรืออาการวิกฤตในเวลาสี่ถึงห้าทุ่ม ช่วงเย็นศาลมีการทราบอยู่แล้วว่ามีเอกสารออกมาให้มีคำสั่งเตรียมพร้อม นั่นหมายความว่ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีการส่งตัวนักโทษในคืนนั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการซักถามกัน และประเด็นที่น่าสนใจคือศาลพยามซักว่าการไม่รับนักโทษกลับแสดงว่ามีอาการหนักใช่หรือไม่ และศาลได้สอบถามว่าทำไมจึงป่วยหนักต่อเนื่องกัน 181 วัน และวันรุ่งขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 อาการหายแล้วหรือไม่ทำให้เดินทางกลับบ้านได้ทันที ซึ่งศาลพยายามสอบถามถึงประเด็นนี้และตนมองว่ากรมราชทัณฑ์น่าจะลำบากใจ

 

 

ส่วนนายแพทย์วรงค์ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมถือว่าภาพของคดีนี้น่าจะใกล้จบแล้วและเชื่อว่าสัปดาห์ถัดไปทั้งนายสมชายหรือนายชาญชัยอาจจะมีเอกสารหลักฐานที่บอกว่ามีการโกหกให้ข้อมูลเท็จต่อศาลและมีหลักฐานเก็บไว้ ซึ่งถึงเวลาในการเปิดเผย และในวันนี้ศาลได้มีการซักถามอธิบดีราชทัณฑ์ในการรักษาตัวนอกเรือนจำรวมทั้งผู้บริหารทุกระดับว่าใช้กฎหมายข้อไหน

ด้านนายสมชาย เผยว่า การรักษาตัวภายนอกสามารถทำได้เพราะส่วนใหญ่ไปเช้าเย็นกลับเกิน 30 วันก็มีบ้างเกิน 60 วันก็มีบ้างเกิน 120 วันก็มีบ้างซึ่งตามรายงานที่คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนส่งดำเนินคดีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและส่งมาที่ศาลนั้นชัดเจนว่ามีผู้ป่วยเกิน 120 วันอยู่สามราย ในขณะที่ชี้แจงต่อคณะกรรมการ ซึ่งคือป่วยจิตเวช ส่วนป่วยวิกฤตอาการดีขึ้นหรือทุเลาลงแล้วก็ต้องส่งกลับเรือนจำซึ่งมีการบอกว่าเป็นคำวินิจฉัยของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องรอฟังคำวินิจฉัยเองว่าเหตุใดราชทัณฑ์ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมบังคับโทษตามที่ศาลออกหมายขังจึงไม่ทำหน้าที่ของตัวเองและอ้างว่าแพทย์ไม่สั่งให้กลับเพราะอำนาจของกรมราชทัณฑ์นั้นไม่มี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ส่องเหล่า 'แพนด้ายักษ์' ใช้ชีวิตหน้าร้อนแสนสบาย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'หูซินถิง' โรงน้ำชาชื่อดังของเซี่ยงไฮ้หวนเปิดรับลูกค้าอีกครั้ง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเปิดโครงการ ”โซลาร์เซลล์ลอยน้ำ” ในทะเลแห่งแรกที่ชิงเต่า
"อบจ.สมุทรปราการ" ร่วมกองทัพเรือ จัดแสดง “แสง เสียง สื่อผสม มิวสิคัลรำลึก"เหตุการณ์ ร.ศ.112” ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
"กกต." แจงลือชุดสืบสวน พร้อมชงผลสอบ วินิจฉัยเอาผิด "ทักษิณ" ครอบงำ ยุบ 6 พรรคร่วม ไม่เป็นความจริง
"ผบ.รร.สธ.ทบ." นำหลักสูตร บมท.ชุดที่2 ดูงานพื้นที่ภาคเหนือ จ.ตาก เพื่อศึกษางานความมั่นคงแนวชายแดน ควบคู่การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม
ทบ.โต้ข่าว ทหารกัมพูชายึด "ภูมะเขือ" ไม่เป็นความจริง แจงเป็นพื้นที่พิพาท 2 ปท.ต่างอ้างสิทธิ์ ยันพร้อมปกป้องอธิปไตยหากถูกละเมิดข้อตกลง
“เอกนัฏ” ส่งทีมสุดซอย จับโรงงานรีไซเคิล ลักลอบนำเข้ายางเถื่อนจากกัมพูชา กว่า 1 พันตัน
รัสเซียชี้เยอรมนีกลับมาเป็นประเทศอันตรายอีกครั้ง
หวั่น "ปลาหมอบัตเตอร์" ระบาดหนัก ชาวบ้านจับขาย จนลืมผลกระทบระบบนิเวศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น