ส่องรักษาการนายกฯ “ภูมิธรรม” ไร้อำนาจ “ยุบสภา”

ใครเป็นใครรักษาการนายกรัฐมนตรี หาก “อุ๊งอิ๊ง” ประสบอุบัติเหตุการเมืองถูกศาลรัฐธรรมนูญหยุดปฏิบัติหน้าที่ เผย “ภูมิธรรม” อันดับ 1 พร้อมเปิดอำนาจรักษาการนายกฯมีขอบเขตเสมือนนายกฯตัวจริง แต่ไม่สามารถยุบสภาได้ เหตุการณ์ยุบสภาเป็นพระราชอำนาจ นายกฯตัวจริงเท่านั้นเป็นผู้เสนอ-สนองพระบรมราชโองการ

ความคืบหน้ากรณีสมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) โดยไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่างกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุม เพื่อพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ และในกรณีถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาพร้อมมีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน จึงมีการตั้งคำถามว่า ใครจะทำหน้าที่แทนนายกฯระหว่างรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

เกี่ยวกับบุคคลที่จะมาทำหน้าที่แทน น.ส.แพทองธาร ในทางปฏิบัติเรียกกันว่า ผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หรือ ผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เรียกโดยย่อว่า “รักษาการนายกฯ” ซึ่งจะทำหน้าที่ปฏิบัติราชการเสมือนเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ไม่สามารถมาปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วคราว หรือเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองบางอย่าง เช่น เกิดปัญหาด้านสุขภาพ หรือนายกรัฐมนตรีไม่ได้อยู่ในประเทศและไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางไกลได้

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ได้เซ็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 320/2567 เรื่องมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ลำดับที่ 2
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ลำดับที่ 3
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ลำดับ 4
นายพิชัย ชุณหวชิร ลำดับที่ 5
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ลำดับที่ 6

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ในคำสั่งยังระบุว่า “ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน และนั่นหมายความว่า รักษาการนายกฯ ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการทางการเมือง โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดินได้โดยที่นายกฯ ตัวจริงไม่เห็นชอบ รวมถึงไม่สามารถยุบสภาได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 48 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า “ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัตินี้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน” หมายความว่า การทำหน้าที่ของรักษาการนายกฯ สามารถทำหน้าที่ในการบริหารประเทศตามที่กฎหมายต่างๆ กำหนดเท่านั้น เช่น การจัดสรรงบประมาณ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ การสั่ง การอนุญาต หรือการอนุมัติ ตามขอบข่ายบทบาทหน้าที่ที่พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กำหนดไว้

ส่วนการยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีลำดับชั้นทางกฎหมายสูงกว่าพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และการยุบสภายังเป็นอำนาจทางการเมืองอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับหลักการแบ่งแยกอำนาจ เป็นการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสภาผู้แทนราษฎร กล่าวคือ นายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเท่านั้นจึงจะมีอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้ลักษณะของอำนาจยุบสภาแล้ว มีความแตกต่างกับอำนาจในการบริหารราชแผ่นดิน ดั้งนั้น อำนาจในการยุบสภา จึงเป็นอำนาจเฉพาะตัวที่ติดอยู่กับนายกฯ ที่ได้รับเลือกจากรัฐสภาซึ่งประกอบด้วยผู้แทนประชาชน ด้วยเหตุนี้ ณ ปัจจุบันผู้ที่มีอำนาจในการยุบสภา จึงมีเพียงแค่ น.ส.แพทองธาร เท่านั้น ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นเพียงรองนายกฯ ที่ได้รักษาการแทนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เท่านั้นแต่ไม่มีสถานะเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับอำนาจยุบสภาของรักษาการนายกรัฐมนตรียังมีนักกฎหมาย และนักวิชาการมองเห็นต่าง โดยบางคนมองว่า รักษาการนายกฯสามารถยุบสภาได้ เพราะตามกฎหมายถือว่ามีอำนาจเทียบเท่านายกฯ อีกทั้งกฎหมายไม้ได้เขียนห้ามไว้ว่า รักษาการนายกฯไม่สามารถยุบสภาได้ แต่ถ้าย้อนดูรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 103 บัญญัติถึงอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยมีใจความสำคัญว่า “พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอและสนองพระบรมราชโองการ” การยุบสภาผู้แทนราษฎรให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา และให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวในเหตุการณ์เดียวกัน

เมื่อดูเนื้อหาของมาตรา 103 อาจกล่าวได้ว่าการยุบสภาถือเป็นพระราชอำนาจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอและสนองพระบรมราชโองการ ดังนั้นการยุบสภาจึงต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเท่านั้นไม่ใช่รักษาการนายกรัฐมนตรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิด-ปิด ด่านไทย-กัมพูชา กระทบส่งออกแล้วกว่าหมื่นล้าน! ล่าสุดเร่งเตรียมมาตรการช่วยเหลือ
“วราวุธ” สั่ง ทีมพม.-ศบปภ.เชียงราย เร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม-กลุ่มเปราะบาง หลังน้ำป่าทะลักท่วมบ้านเรือนปชช.
"กรมบังคับคดี" ชวนพี่น้องชาวใต้ร่วมกิจกรรมฟรี ในงาน MONEY EXPO 2025 หาดใหญ่
"ผวจ.สงขลา" เปิดมหกรรมวันต่อต้านยาเสพติด 2568
"ชาวสงขลา" แสดงพลัง แห่โบกธงส่งกำลังใจให้รั้วของชาติ พร้อมเรียกร้อง "นายกฯ" รับผิดชอบ ปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน
รพ.ตราด แถลงโต้กัมพูชากล่าวหารุนแรงไร้จรรยาบรรณ หลังแม่คลอดลูกแล้วทิ้งหนีกลับประเทศ
"มนพร" ร่วมเที่ยวบินปฐมฤกษ์อีซี่แอร์ไลน์ "หาดใหญ่-เบตง" เชื่อมต่อเดินทางเมืองหลักสู่เมืองรอง เสริมท่องเที่ยว หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
เจาะลึก! การเรียนการสอนของ VERSO แต่ละระดับชั้น สร้างผู้นำแห่งอนาคตด้วยหลักสูตรเฉพาะทาง
จันทบุรี ช่วยอำนวยความสะดวกส่งผู้บาดเจ็บชาวกัมพูชากลับบ้าน
ส่องรักษาการนายกฯ "ภูมิธรรม" ไร้อำนาจ "ยุบสภา"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น