แอมเนสตี้ชี้รัฐบาลกัมพูชาสมรู้ร่วมคิดแก๊งคอลเซนเตอร์เขมร

องค์การแอมเนสตี้สากลเปิดโปงรัฐบาลกัมพูชาของฮุนมาเน็ตว่าสมรู้ร่วมคิดกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ชี้ไม่ตั้งใจกวาดล้างจริง และยังพบหลักฐานการกระทำทารุณขนานใหญ่ เหยื่อไทยซึ่งถูกหลอกไปทำงานเผยว่าถูกทารุณและกักขังนานถึง 7 เดือน

AFP รายงานว่าองค์การแอมเนสตี้ สากลออกมาเปิดเผยรายงานในวันนี้ (พฤหัสที่ 26 มิย.) กล่าวหารัฐบาลกัมพุชาว่า “ยินยอม” และ “ร่วมมือ” กับแก๊งคอลเซนเตอร์หรือแก๊งสแกมเมอร์ในการหลอกลวงเหยื่อหลายพันคนเข้ามาทำงาน โดยมีการสัมภาษณ์เหยื่อและอดีตพนักงานแก๊งคอลเซนเตอร์จำนวน 58 คน

“เจ็ต” ซึ่งเป็นนามแฝงของหนุ่มไทยวัย 18 ปีซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อและหนีรอดแก๊งคอลเซนเตอร์นรกมาได้ เปิดใจกับแอมเนสตี้ว่า ตอนที่เขาหางานผ่านเฟสบุ๊ค เขาได้รับการติดต่อกลับชักชวนให้ไปทำงานที่ศูนย์บริการลูกค้าออนไลน์ โดยบอกว่างานดีรายได้งาม แต่สุดท้ายก็ถูกหลอกพาข้ามพรมแดนไปที่เมืองสวายเรียงของกัมพูชา โดยให้เข้าไปทำงานในศูนย์แก๊งคอลเซนเตอร์ที่นั่น

เจ็ตเล่าว่าเขาถูกทำร้ายร่างกายสารพัดรูปแบบ ทั้งถูกเฆี่ยนตีและไฟฟ้าช็อต เพื่อบังคับให้ทำงานและหลอกลวงผู้คนทั่วโลก เจ็ตถูกกักขังอยู่ในนั้นนานถึง 7 เดือนต้องทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน และไม่สามารถติดต่อครอบครัวหรือบุคคลภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ

เจ็ตเล่าต่อว่าเขาต้องอุปโหลกตัวเองเป็นเศรษฐีวัยกลางคน โพสต์หาเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียโดยหลอกให้หลงรัก ก่อนที่จะหลอกล่อให้มาลงทุนในธุรกิจทิพย์จนหมดตัวไปหลายราย โดยหัวหน้าแก๊งตั้งเป้าให้หารายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน แต่เอาเข้าจริงสามารถหาได้เพียง 2% ของเป้าเท่านั้น

เจ็ตเผยว่าเหยื่อคนอื่นที่ทำงานในตึกเดียวกับเขาส่วนใหญ่เป็นคนจีน มีชาวเวียดนามและไทยบ้าง ขณะที่สมาชิกแก๊งระดับหัวหน้าส่วนใหญ่เป็นคนจีน บ่อยครั้งที่คนพวกนี้เรียกประชุมในลักษณะข่มขู่ให้เหยื่อกลัวเช่นมีใครทำผิดกฎบ้าง พรุ่งนี้จะกำจัดใครบ้าง หรือมีใครจะต้องถูกขายไปยังแก๊งสแกมเมอร์อื่นๆบ้าง สำหรับเจ็ตนั้นยังเคราะห์ดีที่สามารถหลบหนีออกมาได้ เจ็ตบอกว่าเขาตัดสินใจหลบหนีด้วยการกระโดดลงจากตึก หลังจากที่เขาถูกทุบตีอย่างหนักจนแขนหัก แต่หลังจากที่เขากระโดดหนีลงมาก็ได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ฟื้นขึ้นมาก็อยุ่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยซึ่งกันตัวเขาไว้ในสถานะเหยื่อซึ่งถือว่าไม่มีความผิด

มอนต์เซ เฟอร์เรอร์ เจ้าหน้าที่แอมเนสตี้กล่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาดูเหมือนจะมีความพยายามกวาดล้าง แต่ยิ่งปราบจำนวนศูนย์คอลเซนเตอร์ก็ยิ่งเพิ่มโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยขณะนี้พบว่าขยายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 53 หลัง ส่วนใหญ่อยู่ตามแนวพรมแดน ซึ่่งแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้มีทั้งการค้ามนุษย์, บังคับใช้แรงงาน, ค้าแรงงานเด็ก, กักขังเหยื่อและใช้แรงงานเยี่ยงทาส

เฟอร์เรอร์ย้ำว่าการที่แก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ขยายธุรกิจจนมีอาคารหลายสิบหลังนั้นเป็นเพราะได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลกัมพุชานั่นเอง แม้รัฐบาลกัมพูชาจะยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งแถมโอดครวญว่าก้มพูชาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน อย่างไรก็ตามเฟอร์เรอร์บอกว่าสาเหตุที่การกวาดล้างของรัฐบาลกัมพูชาไม่เป็นผลก็เพราะตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง มีการคอรัปชั่นกันในทุกระดับทั้งส่วนบุคคลและเป็นกันทั้งระบบ

เฟอร์เรอร์ชี้ว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์เขมรจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลกัมพูชาต้องให้ความร่วมมือ และแอมเนสตี้ก็มั่นใจว่าถ้ารัฐบาลกัมพูชามีความจริงใจที่จะกวาดล้าง ก็จะต้องใช้มาตรการที่จริงจังมากกว่าที่ทำอยู่

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซ้อมแผนเผชิญเหตุรองรับกรณีระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ หยุดให้บริการแบบบางส่วน
“นครเกมส์ 2568” เปิดฉากยิ่งใหญ่! นักเรียน-นักศึกษา-ประชาชนร่วมชิงชัยกีฬากรีฑาเมืองคอน
เยาวชนฟาฎอนีต่อต้านสิ่งเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันห่างไกลพืชกระท่อม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ระบบนำทางเป่ยโต่วมีสถานีฐานเกือบ 7,000 แห่งทั่วจีน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) หางโจวจัดแข่งทักษะ 'ไลฟ์สด' ขายสินค้าเกษตร
มท. – กปร. ผนึกกำลัง จัดเวิร์กช็อป ‘One Plan’ ดันโครงการพระราชดำริในนครศรีธรรมราช

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​