ตร.ไซเบอร์รวบ 4 บัญชีม้า กดเงินแก๊งคอลฯ ก่อนส่งต่อให้ชาวจีน สารภาพตระเวนกดเงินเฉลี่ย 8-9 แสนบาทต่อวัน ทำมานานกว่า 2 ปี

ตร.ไซเบอร์รวบ 4 บัญชีม้า กดเงินแก๊งคอลฯ ก่อนส่งต่อให้ชาวจีน สารภาพตระเวนกดเงินเฉลี่ย 8-9 แสนบาทต่อวัน ทำมานานกว่า 2 ปี

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.68 ตำรวจไซเบอร์ และตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนตรวจวิเคราะห์ฯ (ศปอส.ตร.) พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ ค 348/2568 เข้าค้นห้องพักในหอพักแห่งหนึ่ง ชอยเทพกุญชร 35 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และจับกุมนายนันทพงศ์ อายุ 24 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน , นายจิรเดช อายุ 19 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน, นายพัธกานต์ อายุ 21 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ และนายธานินทร์ อายุ 21 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน พร้อมตรวจยึดของกลาง เงินสด 3,960 บาท โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ไอแพด 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 16 ใบ สมุดจดบันทึกรายการการทำธุรกรรมทางการเงินและอื่นๆ รวม 40 รายการ

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับปฎิบัติการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 และกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนตรวจวิเคราะห์ฯ (ศปอส.ตร.) ร่วมกันทำการสืบสวนทราบว่ามีขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมตัวกันเป็นกลุ่มแอบมาเปิดห้องพักในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้ารับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกมาเข้าบัญชี จากนั้นได้ตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่พัก รวมท้้งมีการสแกนใบหน้าเพื่อทำการถอนเป็นเงินสดจำนวนมาก ก่อนที่จะนำเงินไปส่งต่อให้กับผู้ร่วมขบวนการอื่นอีกทอดหนึ่ง

 

 

ต่อมาทางตำรวจชุดสืบสวน จึงลงพื้นที่หาข้อมูล จนทราบว่าผู้กระทำผิดในกลุ่มขบวนการนี้แอบมาเปิดห้องพักที่หอพักดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายค้นห้องพักและจับกุมผู้กระทำผิดทั้ง 4 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางไว้ได้ทั้งหมด

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การยอมรับว่าได้เปิดบัญชีม้าให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกนใบหน้า เพื่อกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มตามคำสั่งของนายโรจน์ ผู้ร่วมขบวนการระดับหัวหน้าที่คอยสั่งการ ซึ่งเป็นคนไทย โดยจะกระจายกันตระเวนกดเงินรวมกันเฉลี่ย 8-9 แสนบาทต่อวัน มานานกว่า 2 ปี จากนั้นแต่ละคนจะรวบรวมเงินที่กดมาส่งมอบให้กับนายโรจน์เพื่อส่งต่อให้กับชาวจีนอีกทอดหนึ่ง โดยได้รับค่าตอบแทนคนละ 2,000 บาทต่อวัน นอกจากนี้ในการเปิดห้องพักแต่ละครั้งจะพักอาศัยรอบละประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นก็จะย้ายที่พักไปหาที่พักแห่งใหม่ เพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุม ซึ่งตำรวจเตรียมขยายผลในการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายโรจน์ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้แล้ว

 

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “เป็นอั้งยี่และซ่องโจร” และ “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วัดเชิงหวายจัดทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2568 โดยคณะ ท่าน สัญจัย จันทร์ผ่อง ผู้ตรวจการอัยการ ร่วมเป็นเจ้าภาพ
แม่ทัพน้อยที่ 2 เปิดเวทีศิลปะรักชาติ “ไทยนี้รักสงบ...แต่ถึงรบไม่ขลาด” เยาวชน-ศิลปินประชันฝีมือ ชิงเงินแสน พร้อมหุ่น “ฮุนเซนป่วย” เรียกฮือฮาทั้งงาน
"เกาหลีใต้" ระงับโครงการจัดการน้ำ "กัมพูชา" ไม่มีกำหนด เซ่นพลเมืองถูกจับเป็นเหยื่อสแกมเมอร์พุ่ง
"กองทัพเรือ" เปิดตัวทีมโฆษก PR ชุดใหม่ เดินหน้าสื่อสารเชิงรุก มุ่งเน้นปีแห่งความพร้อมรบ
สว.สุรินทร์ ลงพื้นที่รับทราบปัญหาชาวบ้านต่อเนื่อง ด้านกำนันชายแดน ระบุ ยังพบโดรนบินขึ้นทุกวัน
"หมอเหรียญฯ" ปลุกผอ.รพ.ทั่วประเทศสู้ "สปสช." ค้างหนี้ ทำปชช.ผู้มีสิทธิบัตรทอง เดือดร้อนหนัก ทำลายระบบบริการสาธารณสุขล้มเหลว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​