เมื่อเวลา 12.05 น. ของวันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก. )
นางมาระตี ระบุว่า ตามที่มีการคำสั่งการยกระดับการผ่านแดนตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา มีผลให้จำกัดการผ่านแดนของบุคคลที่เข้มข้นขึ้น แต่ยังคงอนุญาตสำหรับบุคคลที่มีความจำเป็นและด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม โดยที่ประชุมศบ.ทก.ได้ติดตามผลในเชิงปฏิบัติของการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบกับการใช้งานของจุดผ่านแดนที่จำเป็น ซึ่งได้รับรายงานว่าการอำนวยความสะดวกการเข้าออกส่วนใหญ่เป็นไปตามปกติ เช่นการอนุญาตให้ชาวกัมพูชากว่า 7,000 คนเดินทางกลับประเทศ ยกเว้นบางกรณี ที่มีรถติดค้างอยู่บ้างซึ่งได้มีการคลี่คลายไปแล้ว ในส่วนของการอำนวยความสะดวกทางมนุษยธรรมยังคงดำเนินการไปตามปกติ อย่างในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ สระแก้ว และจันทบุรี มีการเปิดด่านเพื่อรับตัวผู้ป่วยคราวของกัมพูชา 7 ราย เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างการทวงที
แม้ว่าจะมีความจำเป็นที่จะยกระดับความเข้มข้นของการบริหารชายแดนในลักษณะนี้ แต่ที่ประชุมได้ย้ำเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าฝ่ายไทยให้ความสำคัญกับหลักมนุษยธรรมในการพิจารณาและติดตามผลของการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ซึ่งปรับใช้เป็นการพิเศษเฉพาะในช่วงนี้ โดยทางไทยได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรในระดับประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
ขณะเดียวกันยังหาเรือถึงการบูรณาการทำงานร่วมกันของศบ.ทก. และกลไกที่เกี่ยวข้อง ที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ได้ยกระดับความเข้มข้น เรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งรวมถึงการหลอกลวงทางออนไลน์ การค้ามนุษญ์ และการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการออกรายงานเรื่อง scramer Center ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
และย้ำถึงมาตรการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยกระดับ มีจุดมุ่งหมายโดยตรงต่อธุรกิจเครือข่ายอาชญากรรมทางการเป็นหลักและไม่ได้มีเป้าหมายเพียงประชาชนทั่วไปแต่เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ในบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ และยืนยันว่ารัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกประเทศด้วยความจริงใจ เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคาม
นอกจากนี้ที่ประชุมวันนี้ยังได้มีการหารือถึงแนวทางการบริหารผลกระทบทางเศรษฐกิจ ในมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการการระงับการนำเข้าน้ำมันของกัมพูชา ต่อผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาและผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจกับฝ่ายกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันให้ข้อมูลชี้แจงข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงได้บริหารสถานการณ์ต่างๆต่อไป