ประยุทธ์ขยับ การเมืองเขย่า ตลาดนัดผู้แทนคึกคัก พรรคการเมืองถึงเวลาผลัดใบ

จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ถ้านับตามวาระการดำรงค์ตำแหน่งนายกฯคราวละ 4 ปีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสมัยที่ 2 ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. 2562 รวมถึงอายุสภาผู้แทนราษฎรก็จะครบกำหนดในวันที่ 23 มี.ค.2566 บวกลบคูณหารก็เหลือเวลาอีกปีเศษเท่านั้น ยังไงเสียก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ บรรดาคอการเมืองวิเคราะห์กันเสร็จสรรพแล้ว อย่างเร็วการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ในกลางปีหรือปลายปีหน้า 2565 อย่างช้าก็ต้นปี 2566

เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งเมื่อไหร่ยังเดาใจพล.อ.ประยุทธ์ไม่ออก ว่าจะยุบสภาตอนไหนจะจัดการเลือกตั้งยามใด แต่ล่าสุดทางนายทะเบียนพรรคการเมืองโดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคการเมือง เรื่องการเตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป สาระสำคัญที่กกต.ต้องการให้พรรคการเมืองทุกพรรคดำเนินการก็คือ 1.อัพเดตข้อมูลสมาชิกพรรคให้เป็นปัจจุบัน 2.จัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ซึ่งต้องมีสมาชิกพรรคการเมืองที่มีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งนั้น 500 คนขึ้นไป หากไม่มีการตั้งสาขาพรรคจะไม่สามารถส่งส.ส.แบบเขตในจังหวัดนั้นได้และจะตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่ได้ 3.ตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ต้องมีสมาชิกซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตเลือกตั้งนั้นเกิน 100 คน 4.สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. โดยคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ประกอบด้วยกก.บห.พรรคการเมือง ไม่เกินกึ่งหนึ่งของคณะกรรมการสรรหาฯ หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง (ไม่น้อยกว่าสี่สาขา ซึ่งมาจากต่างภาคกัน) และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด

แม้ทางนายทะเบียนจะออกมาปฏิเสธพัลวันว่าการส่งหนังสือแจ้งหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณนับถอยหลังเตรียมการเลือกตั้งแต่อย่างใด หากแต่เป็นการเตือนให้ทุกพรรคเตรียมความพร้อมในการอัพเดตสมาชิกพรรค จัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของพรรคตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญใหม่ 2560 และจะมีส่วนสำคัญในการคัดเลือกตัวผู้สมัครระบบเขตของพรรคสู้ศึกเลือกตั้งในอนาคตแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าการส่งหนังสือดังกล่าวของกกต.ก็ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่พรรคพลังประชารัฐ นำโดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำอย่าง “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาประกาศเสียงดังฟังชัดพรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกสมัย ทุกขั้วทุกสายในพรรคพร้อมหนุนลุงตู่ทำแฮตทริกนั่งนายกฯเทอม 3 เตรียมการเรื้องนี้กันไว้เสร็จสรรพ ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ก็ส่งมือกฎหมายล้างไพ่บินไทยที่เป็นคนใกล้ชิดอย่าง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรม “ธรณี 1” ยุคอภิสิทธิ์ เข้าไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งใกล้ชิดลุงป้อมเพื่อเป็นหูเป็นตาไม่ให้เกิดปัญหาเลื่อยขาลุงตู่ในพรรคอีก เข้ามาพรรคคนเดียวยังไม่พอพีระพันธุ์ยังโชว์พาวเวอร์ดูด ชื่นชอบ คงอุดม แกนนำพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) ย้ายซบพรรคพลังประชารัฐด้วย ขณะที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ก็อาศัยเวลาชาวบ้านเดือดร้อนลงพื้นที่ชัยภูมิ สุโขทัย นครศรีธรรมราช ช่วยเหลือน้ำท่วมโกยคะแนนจากชาวบ้านเก็บแต้มจากรากหญ้ารากแก้วใส่กระเป๋าไว้ก่อน

พอพล.อ.ประยุทธ์หัวขบวนอำนาจขยับเท่านั้นแหละ แวดวงการเมืองก็เหมือนถูกเขย่าตามกันเป็นโดมิโน่ พรรคการเมืองเล็กใหญ่ต่างก็เดินเครื่องกันเต็มกำลัง ส่งผลทำให้ตลาดนัดผู้แทนกลับมาคึกคักแคทวอกท์ส.ส.เดินกันให้ว่อน ออกตัวเร็วกว่าใครเพื่อนก็คงเป็นพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม อย่างประชาธิปัตย์ ล่าสุด “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคลงพื้นที่พบปะชาวบ้านทุกอาทิตย์ หนำซ้ำล่าสุดได้ลูกน้องเก่ากลับมาเสมือนพยัคฆ์ตีปีก หลังเจะอามิง โตะตาหยง อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) อดีตส.ส.นราธิวาส ที่เป็นลูกหม้อเก่าพรรคประชาธิปัตย์ก็หอบอดีตผู้สมัครส.ส. 8 คนจากพรรคลุงกำนันกลับมาซบอกบ้านเก่า แถมยังได้เกษม มาลัยศรี อดีตส.ส.ร้อยเอ็ดและอดีตสว. มาสวมแจ็กแก็ตพรรคสีฟ้าด้วยอีกคน เรียกว่าเนื้อหอมไม่ธรรมดา

ด้านพรรคเล็กแต่ใจใหญ่หัวใจรักชาติยิ่งชีพอย่างพรรคไทยภักดี ของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เตรียมเปิดตัวพรรคไทยภักดีอย่างเป็นทางการ เสาร์ที่ 9 ต.ค. เวลา 09.09 น. ณ สำนักงานพรรคไทยภักดี จ.นนทบุรี เน้นอุดมการณ์ ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ ต้านทุกผูกขาดทุกรูปแบบ

ข้างฝ่ายขั้วทักษิณกลุ่มอำนาจเก่า รวมถึงก๊วนพรรคส้มเนรคุณล้มเจ้าอย่างพรรคก้าวไกลก็มีความเคลื่อนไหวไม่แพ้กัน ที่ดูออกตัวในโซเชี่ยลมีเดียส์แรงกว่าใครเพื่อน ก็คือ พรรคไทยสร้างไทยของ “หญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ล่าสุดผลสำรวจอีสานโพลล์ 24 % ที่ออกเมื่อ 6 ต.ค. หนุนให้เข้ามาเป็นนายกฯเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ทำหัวใจเจ๊หน่อยพองโตเพราะอยากเป็นนายกฯหญิงประวัติศาสตร์คนที่ 2 ตามรอยตีนยิ่งลักษณ์ ด้านลูกขุนอย่างพงศกร อรรณนพพร อดีตรมช.ศึกษาธิการ มือรันพรรคขุนพลเอกข้างกายสุดารัตน์ก็ประกาศพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งประกาศกร้าวขอสู้ทุกระบบ ไม่ว่าบัตรเลือกตั้งจะ 1 หรือ 2 ใบ แถมชูนโยบายบำนาญประชาชนมาเป็นจุดขาย ส่วนพรรคเพื่อแม้วของเสี่ยโทนี่ล่าสุดก็ดูดเกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีตส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของธุรกิจคอมพิวเตอร์เข้าพรรคได้บ้าง หลังจากถูกงูเห่าเจอแต่เข้าดูดอย่างเดียวรอบนี้ดูดเขากลับบ้าง งานนี้มี “รองโต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

แต่ที่ดูหนักไปหน้าว้าเหว่กว่าใครเพื่อนหนีไม่พ้นพรรคก้าวไกลของคู่หูหนักแผ่นดิน “ธนาธร-ปิยะบุตร” เพราะล่าสุดก็เสียส.ส.น้ำดีที่เป็นทุนพรรคอย่างวินท์ สุธีรชัย นักธุรกิจที่มีหุ้นในบ.อสังหาริมทรัพย์มากมาย ในเครือตระกูล “สุธีรชัย” ที่ขอโบกมือลาพรรคก้าวไกล เนื่องจากจุดยืนทางการเมืองและอุดมการณ์ห่างกันไกล แถมออกปุ๊ปก็ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ทันทีภายใต้ชื่อ “พรรครวมไทยยูไนเต็ด” ดูอย่างนี้พรรคส้มหวานล้มเจ้าไร้อนาคต ที่แต่ทรงกับทรุดเพราะเล่นแต่เรื่องล้มเจ้าแถมให้ท้ายปลุกระดมคนออกไม่ก่อความไม่สงบ รอบที่แลวอาจจะหลอกคนไทยจูงจมูกคนรุ่นใหม่ได้ แต่เลือกตั้งรอบนี้ทุกคนหูตาสว่างหมดแล้วคงไม่มีใครติดกับดัก “ทอน-บูด” อีก ณ เวลานี้จึงเป็นช่วงที่พรรคการเมืองต่างๆเริ่มถ่ายเลือดผลัดใบอย่างแท้จริง แต่คนที่ออกมาสวมบทแม่หมอดูส่องอนาคตการเมืองไทยแบบม้วนเดียวจบ ก็คือปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ งานนี้ประกาศกลาง FB แบบไม่กลัวหน้าแตก “นายกฯคนต่อไปของประเทศไทย คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ อนุทิน จุรินทร์ หรือ ทิม พิธา แคนดิเดตทุกคนก็ดีทั้งนั้น แต่มันยังไกล ยังเทียบ…..ลำบาก ความนิยมยังต่างเหลือเกิน ไม่ต้องไปเทียบความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ลองกับปารีณาก็พอแล้ว ลองลงพื้นที่ด้วยกันไหม ดูว่าคนจะสนใจรู้จัก และชอบใครมากกว่ากัน” ปารีณาระบุ ปิดฉากเลือกตั้งรอบหน้านายกฯก็ยังเป็นคนหน้าเดิม
///////////////////