เราไม่รับโดยทั่วไปตั้งแต่ ก่อนที่จะเกิดเรื่องที่คุณมาหาเรื่องเรา เพราะมันมีกรณียกตัวอย่างอย่างสหรัฐเคยถูกตัดสิน ว่าสหรัฐต้องชดใช้ CIA ไปทำอะไรในประเทศอื่น แล้วสหรัฐไม่รับผิดชอบอะไรเลย ไม่เห็นมีใครไปด่าสหรัฐเลย ไม่เห็นมีใครลากสหรัฐไปบังคับยึดทรัพย์สหรัฐได้เลย”

เพราะฉะนั้นเราเห็นแล้วว่า มันไม่เกิดประโยชน์กับเรา แล้วมันเสี่ยงจะถูกแล้วมืดอธิปไตย เราก็ไม่รับเท่านั้นเอง แล้ววันนี้สมเด็จฮุนเซน มั่นใจว่าตัวเองจะได้เปรียบ เพราเคยชนะคดีศาลโลก แล้วก็อ้างคดีเขาพระวิหารกัมพูชาชนะ เพราะฉะนั้นกรณีนี้เราชัดเจนว่าไม่รับอำนาจศาลโลก นายกฯก็พูด กระทรวงการต่างประเทศก็พูด แล้วยืนยันไม่รับอำนาจศาลโลกตรงกัน ดังนั้นมันไปขึ้นศาลฝ่ายเดียวไม่ได้

ด้านพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ก็พูดชัด “ถ้าเกิดว่าจะมาเอาพื้นที่ของเราไป นี่แผ่นดินกู กูอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ถ้าจะมาเอาไปก็ดวลกัน ไปดวลกันไหม” คำพูดของท่านแม่ทัพภาคที่ 2 แล้วท่านก็ยังพูดด้วยว่า ถ้า สมเด็จฮุนเซน ได้ยินก็คงตอบโต้กลับมาอีก

“ย้ำนะคนไทยไม่ได้ขับไล่พี่น้องแรงงานกัมพูชา คนไทยไม่ได้ตัดทุนไม่ได้ตัดช่องทาง ในการเรียนของเด็กนักเรียน อย่างเดียวที่ตัดคือช่องทางให้คนไปเล่นการพนันในกาสิโน แล้วถามว่าผลประโยชน์กาสิโนผลประโยชน์ของใคร ธุรกิจของลูกใครหลานใคร เส้นทางการเงินไหลไปถึงใคร ไปถึงบริษัทบางบริษัทผลประโยชน์ใครกันแน่ ที่กำลังเอาผลประโยชน์ของคนกัมพูชาทั้งประเทศ มาเป็นเครื่องมือสร้างแรงอำนาจในการต่อรอง เกิดประโยชน์กับใคร เขาปกป้องผลประโยชน์ของใครกันแน่ รักประชาชนคนกัมพูชาจริงหรือเปล่า”

“สันติสุข” เล่าต่อว่า ผมไม่ผูกพันกับรัฐบาล ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์ตอบโต้ปกป้องประเทศของผม แล้วล่าสุด สมเด็จฮุนเซน ยังพยายามปั่นไปถึงเด็กเยาวชน อ้างว่าเด็ก ๆ กัมพูชา ถ้าเกิดว่าไทยตัดช่องทางไม่ให้เรียน ให้กลับมาจะสนับสนุนทุนการศึกษา ให้เอาทุนส่วนตัวให้เลย ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริง คือ เราไม่ได้มีการทำแบบนั้นกับเด็กกัมพูชาเลย ถามเรายังเปิดปิดด่านตามที่เด็ก ๆ สะดวก เป็นการอำนวยความสะดวกร่วมกัน เช่น เด็กไปเรียนเร็วแล้วเด็กเลิกเรียนจะได้กลับบ้านได้ ไม่มีแบบที่ สมเด็จฮุนเซนพูดเลยแล้วเอามาปั่นเพื่ออะไร สันนิษฐานไว้ก่อนปั่นแบบนี้ แล้วจะมีการสร้างภาพสร้างละครขึ้นมาหรือเปล่า ว่าเด็กกัมพูชาถูกตัดสิทธิ์นะไทยรังแกเด็กให้ระวังเลยทีนี้”

“ผมว่าพอปูมาอย่างนี้ ต่อไปเดี๋ยวก็ควักเงินส่วนตัวให้ แต่พร้อมควักให้ทุกคนหรือเปล่า แรงงานกัมพูชาอยู่ไทยไม่ต่ำกว่า 500,000 คน ถ้ากลับหมดมีงานให้เขาทำหรือเปล่า รองรับครบมั้ย แล้วรายได้ได้เท่าเดิมหรือเปล่า ไม่มีทางเท่าเดิมเพราะค่าแรงในกัมพูชาต่ำกว่าไทย มือถือเติมเงินใช้ได้ แล้วเอาเงินเข้าธนาคารโอนกลับบ้านแป๊บเดียวได้แล้ว เยอะกว่าด้วยสนุกสนานด้วยของไทย อาหารการกินเพียบ แล้วอยู่ๆประกาศให้คนกัมพูชากลับเรามีรถบัส 400 คัน รอรับมีงาน รอมีงานกี่ตำแหน่งเอางานนั่นแหละให้คนในกัมพูชาเนี่ยทำก่อนมีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงแล้วทำใครเดือดร้อน ตอนนี้กำลังจะเอาประโยชน์ของคนกัมพูชาทั้งประเทศมาแลกเพื่อสร้างแต้มต่อให้กับวาระส่วนตัวของการเมืองตัวเองไง”

นี่คือภาพบรรยากาศ ที่ด่านถาวรบ้านแหลม นักเรียนกัมพูชายังเดินข้ามแดนมาเรียนฝั่งไทยตามปกติ โดยตม.ไทยและกัมพูชาอำนวยความสะดวกกัน ไม่มีปัญหาอะไรเลย มีปัญหาแต่ระดับผู้นำกัมพูชาที่พยายามสร้างเรื่องอยู่ตอนนี้แล้ว เด็กนักเรียนฝั่งไทย ก็พลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะต้องซ้อมแผนอพยพ ถ้าเกิดว่ามีปัญหามีการปะทะกัน ลูกหลานคนไทยจะเดือดร้อนไปด้วย มันไม่เป็นเรื่องเป็นราวที่ไทยต้องการให้เกิดเหตุ แบบนี้มันมีอยู่ฝั่งเดียวที่ต้องการให้เกิดเหตุ

ส่วนกรณีปัญหาแรงงาน อย่างในพื้นที่ศรีสะเกษ “เขาบอกเลยว่าตอนนี้ แม่โทรมาจากฝั่งนู้นบอกว่าเหตุการณ์ไม่สงบ ผู้นำกัมพูชาออกข่าวไปทั่วประเทศ เพราะถ้าหากคนกัมพูชา ส่งลูกหลานไปทำงานที่ไทย ขอให้ติดต่อให้เดินทางกลับประเทศก่อน อ้างว่าเหตุการณ์ไม่สงบ แล้วใช้วิธีล็อบบี้ผ่านพ่อแม่แรงงานให้มากดดัน เพราะอะไรเพราะแรงงานเขาไม่อยากกลับ ซึ่งก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นระดับอดีตศาลรัฐธรรมนูญ LINE มาบอกผม ว่าคนงานที่บ้านเป็นคนกัมพูชา แล้วสะท้อนเสียงตรงกันเลยกับที่ Top News เราไปสัมภาษณ์มาว่าไม่ได้อยากกลับเลย แล้วเขาก็คงจะไม่กลับด้วย เพราะอยู่ที่นี่ไม่ได้ถูกรังแกอะไรเลยมีเงินเก็บมีกินมีอยู่ มีวันหยุด ว่างก็ไปเที่ยวทะเลยังได้เลย

แต่กับวิธีของสมเด็จฮุนเซน ใช้วิธีอะไรออกสื่อในประเทศ แล้วกดดันในครอบครัวให้โทรมาเรียกลูกหลาน บอกว่านี่สถานการณ์มันน่ากลัว อย่างนั้นอย่างนี้เช่น นายชัยรัตน์ เรียง หนึ่งในแรงงานกัมพูชา บอกกับผู้สื่อข่าว ว่า เขามาอยู่ที่นี่แล้วจำเป็นจะต้องกลับ เพราะว่าถูกติดต่อมาให้กลับ แต่จริงๆ อยู่ที่นี่ได้ค่าจ้างวันละ 400 กว่าบาท มีโอทีให้ด้วย กลับไปอยู่ที่โน่นรู้อยู่แล้วว่าต้องตกงาน รู้อยู่แล้วว่าไม่มีรายได้ แต่พ่อแม่ที่กัมพูชาขอให้กลับ โดยไม่รู้ว่ากลับไปอยู่กัมพูชาแล้วเขาจะหางานให้ได้หรือไม่

“ผมว่านี่คือวิธีการเพื่อกดดันในช่วงนี้ แล้วเดี๋ยวก็ส่งกลับมาทำงานที่ไทย กลับมาง้อ คอยดูสิว่าผมจะพูดผิดไหม ใช้คนเป็นเครื่องต่อรอง กดดันเอาชีวิตคนกัมพูชา เหมือนเบี้ยเอามากดดันไทย พี่น้องกัมพูชามองเห็นอะไรไหม ไทยกับกัมพูชาไม่ได้มีปัญหากัน ผมย้ำรัฐบาลไทยไม่ได้ห้ามเข้าออกแค่กำหนดเวลา ถ้าฝั่งกัมพูชาอยากจะให้เวลาตรงกันก็เปลี่ยนเวลาสิ แล้วที่เรายืนหยัดวันนี้ คือคนที่ไปเล่นการพนันที่คาสิโนเท่านั้น แล้วคนไทยด้วยนะที่เรา
มีสิทธิ์ห้าม และทุนกาสิโนก็ถูกมองว่าเป็นภัยความมั่นคงในปัจจุบัน”

ตอนท้าย “สันติสุข” เน้นย้ำว่า แรงงานกัมพูชาในไทย มีตัวเลขขณะนี้ 512,184 คน อันนี้คือสถิติตัวเลขแรงงานกัมพูชาในไทย เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยอยู่ในภาคก่อสร้างอันดับ 1 รองลงไปคือ ส่งขายปลีก ซ่อมแซมรถ , การผลิตต่างๆ ไม่ว่าจะแปรรูปสัตว์ , กิจกรรมการเกษตร และภาคปศุสัตว์ ซึ่งการให้บริการต่างๆยกเว้นกิจการรับเหมา นอกจากแรงงานกัมพูชาแล้ว ยังมีแรงงานเมียนมา , แรงงาน ส.ป.ป.ลาว ถ้าหากว่ากัมพูชาลดจำนวนแรงงานลงไปจริงในระยะยาว

เราก็ใช้แรงงานอื่นที่เขาเต็มใจจะทำ แล้วยังมีหุ่นยนต์ยังมี AI ยังมีเครื่องจักรเอามาทดแทนได้อีกจำนวนมาก เพราะฉะนั้นใครกันแน่จะได้รับผลกระทบแล้วถ้าเกิดปิดด่านวันนี้จริง จะคอยดูนะจะปิดเฉพาะผลไม้ผักหรือจะปิดหมดตามที่ สมเด็จ ฮุนเซ็นประกาศเอาไว้ แล้วสุดท้ายใครจะได้รับผลกระทบถ้าปิดจริงนะ
สินค้าจะไปขายที่ไหนในกัมพูชา แล้วก็รวมไปถึงคนป่วยที่มารักษาอยู่ที่เมืองไทย ที่บอกว่าจะให้กลับไปรักษา กัมพูชา

ล่าสุดมีข้อมูลว่า ไทยเราแบกค่ารักษาของคนต่างด้าวไว้แต่ละปีจำนวนมหาศาล เฉพาะชาวกัมพูชาค้างอยู่ 277 ล้านบาทในปี 2567 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าจะไม่มารักษาที่ไทยแล้ว ไทยจะเดือดร้อนเหรอ ผมก็อยากรู้สุดท้ายใครจะเดือดร้อน ที่สำคัญคุณหมอคุณพยาบาลที่อยู่ชายแดน น่าจะได้มีเวลามารักษาคนไทยมากขึ้น เพราะตอนนี้ที่รักษาชาวกัมพูชากันไปก็เก็บเงินไม่ได้ แล้วดูพฤติกรรมผู้นำกัมพูชาทำกับประเทศไทย ใส่ร้ายข่มขู่คุกคามเกทับบลั๊ฟแหลกไม่หยุด”