ทั้งนี้หากนายสันติย้ายไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยจริง จะทิ้งพรรคพลังประชารัฐไปพร้อมด้วย 6 สส.เพชรบูรณ์อย่างแน่นอน ซึ่งประกอบไปด้วย

1. นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เขต 1 เพชรบูรณ์
2. นายจักรัตน์ พั้วช่วย เขต 2 เพชรบูรณ์
3. นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เขต 3 เพชรบูรณ์
4. นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4 เพชรบูรณ์
5. นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ภรรยานายสันติ เขต 5 เพชรบูรณ์
6. นายอัคร ทองใจสด เขต 6 เพชรบูรณ์

หากดีลนี้สำเร็จเป็นไปตามแผน ลุงป้อมยอมให้ย้ายพรรคกลางเทอม ก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเหลือ สส.เพียง 13 คน เท่านั้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 19 คน ประกอบด้วย 1.พลเอกประวิตร สส.บัญชีรายชื่อ ,2.นายชัยมงคล ไชยรบ สส.เขต 5 สกลนคร ,3.นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.เขต 1 หนองคาย ,4.นายวิริยะ ทองผา สส.เขต1 มุกดาหาร ,5.นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.เขต 1 สิงห์บุรี ,6.นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.เขต 1 สระแก้ว,7.นางสาวตรีนุช เทียนทอง สส.เขต 2 สระแก้ว

8.นายอนันต์ ผลอำนวย สส.เขต 3 กำแพงเพชร ,9.นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.เขต4 กำแพงเพชร ,10.นายสุธรรม จริตงาม สส.เขต 6 นครศรีธรรมราช ,11.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.เขต 2 พังงา ,12.นายทวี สุระบาล สส.เขต2 ตรัง ,13.นายคอซีย์ มามุ เขต 2 ปัตตานี และที่เหลือ 6 คนเป็น สส.เพชรบูรณ์

และต้องบอกว่าในสถานการณ์การเมืองแบบนี้ ก็ไม่ได้การันตีว่า สส.อีก 12 คน จะยังล่มหัวจมท้ายไปกับพลเอกประวิตรเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 เพราะต้องยอมรับว่ากว่าจะถึงวันนั้น กระแสและกระสุนของพรรคคงไม่ได้อัดแน่นเท่าเดิม ปัจจุบันก็ถูกเขี่ยพ้นพรรคร่วม รบ.มาเป็นฝ่ายค้านจำเป็น ผู้กองธรรมนัสก็ขน สส.เขตรวม 20 คนไปสร้างบ้านใหม่ที่พรรคกล้าธรรม มองแล้วต้องบอกว่าริบหรี่ที่พรรคพลังประชารัฐจะมีโอกาสกลับมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอีก

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทำให้มีโอกาสสูงที่เราจะเห็น สส.ทิ้งลุงป้อมไปอีก โดยเฉพาะ สส.สายใต้ 4 คน ที่อาจจะมองหาบ้านใหม่หรือไม่ ส่วนสส.สายอีสาน 3 คนก็มีโอกาสไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมหรือภูมิใจไทย ขณะที่บ้านใหญ่เขาฉกรรจ์ ตรีนุช เทียนทอง ก็ต้องจับตาว่าพาแม่ขวัญเรือนย้ายกลับบ้านเก่าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับป๋าเหนาะและนายใหญ่ ด้าน สส.กำแพงเพชรอีก 2 คน ก็ต้องรอดูสัญญาณจากนายวราเทพ รัตนากร แม่ทัพใหญ่เมืองชากังราว ที่สนิทสนมกับนายสันติ ส่วนนายโชติวุฒิ ผู้แทนสิงห์บุรีต้องรอดูพี่ชาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ดังนั้นทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐในเวลานี้ ต้องบอกว่าอนาคตมืดมน จากวันที่ 3 ป.ได้จัดตั้งพรรคขึ้นในปี 2561 ผ่านร่างทรง “4 กุมาร” ก่อนที่พลเอกประวิตรจะยึดอำนาจในพรรคแบบเบ็ดเสร็จในปี 2563 ผ่านมา 8 ปี พรรคเฉพาะกิจที่ 3 ป.ให้กำเนิด ใกล้ถึงจุดจบอย่างแท้จริง