ขณะนั้น ทางพล.ท.นรินทร์ มุทุกัณฑ์ เตรียมทหาร 11 เป็นอดีต รอง ผบ.ฉก.ร.6 ซึ่งหลังจากทำพิธีเปิดศาลาราตรีมุข ได้มีการพบปะพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งทั้ง3ประเทศ ก็ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น การแข่งกีฬา ระหว่างทหารที่อยู่ในพื้นที่ เชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่าง 3 ประเทศ เทศกาลวันสงกรานต์ และเทศกาลปีใหม่ ก็ได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน

ทั้งนี้ การสร้างศาลาตรีมุข เป็นการพูดคุยกันแล้วระหว่าง 3 ประเทศ ในสมัยนั้น ทางประเทศไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และกองทัพภาคที่2 ฝั่งประเทศลาว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแขวงจำปาสัก และทางกัมพูชาคือผู้ว่าฯจังหวัดพระวิหาร ได้มีการมาพูดคุยกัน แต่ไม่ได้ทำเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรไว้ แต่เป็นการ ทำด้วยหัวใจ ซึ่งวัตถุประสงค์เพื่อสร้างไว้ให้กับทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ประเทศได้มีการประสานงาน โดยเฉพาะหน่วยกำลังทหารทั้ง 3 ประเทศที่มาปฏิบัติภารกิจอยู่ ณ ปากช่องบก หรือ ในปัจจุบันเรียกว่าช่องบก เป็นรอยต่อทั้ง 3ประเทศ มาอยู่ตรงที่จุดนี้ ซึ่งหากมีปัญหาอะไรก็ให้มาคุยกัน ซึ่งพื้นที่ตรงจุดนี้ หากมีการพัฒนาร่วมกันก็จะเป็นประโยชน์สูงสุดของแต่ละประเทศเลยทีเดียว

โดยหลังจากที่ “ฮุนเซน” นำภาพมาโชว์กับชาวกัมพูชาว่าตนเองได้เข้ามาถ่ายรูป เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2553 แล้วนำมาอ้างสิทธิ์ การเป็นเจ้าของดินแดน แล้วมาบอกว่าทหารเขมรอยู่มาตั้งแต่ ก่อน 2543 แต่ศาลาตรีมุข สร้างมากว่า 30 ปี

หลังจากที่ศาลาตรีมุข หรือประชาชนในพื้นที่เรียกว่า “ศาลารวมใจ ไทย ลาว กัมพูชา“ ได้ถูกเผาทำลายเมื่อคืนวันที่ 28 ก.พ.68 โดยทหารกัมพูชา จากนั้นทหารกัมพูชา ก็เข้ายึดพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต จนรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย ที่ช่องบก