นายยามานดู ออร์ซี่ ประธานาธิบดีอรุกวัย แจ้งผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า ขอแจ้งข่าวด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ว่า โฆเซ่ มูคีกา หรือ เปเป้ ประธานาธิบดี นักเคลื่อนไหว ผู้นำทาง และผู้นำของเรา ได้จากไปแล้ว พวกเราจะคิดถึงท่านอย่างมากด้วยความอาลัย
มูคีกา อดีตนักรบกองโจรก่อนขึ้นสู่ประธานาธิบดี เสียชีวิต ในวัย 89 หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมานานหลายเดือน
หลังข่าวนี้แพร่ออกไป บรรดาผู้นำฝ่ายซ้ายทั่วลาตินอเมริกาและยุโรป ร่วมส่งข้อความไว้อาลัยนักการเมือง ที่เคลาเดีย เชนบาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ยกย่องเป็นแบบอย่างสำหรับลาตินอเมริกาและทั้งโลก ด้าน กุสตาโบ เปโตร ผู้นำโคลอมเบีย ซึ่งเป็นอดีตผู้นำกองโจรเช่นเดียวกัน ยกย่องมูคีกา เป็นนักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ เอโบ โมราเลส อดีตประธานาธิบดีโบลีเวีย ยกย่องประสบการณ์และภูมิปัญญาของอดีตผู้นำอุรุกวัย นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ แห่งสเปน กล่าวว่า มูคีกาใช้ชีวิตเพื่อ “โลกที่ดีกว่า” และ เบร์นาร์โด อาเรบาโล ผู้นำกัวเตมาลา ยกย่องว่า เป็นแบบอย่างความอ่อนน้อมถ่อมตนและความยิ่งใหญ่
มูคีกา หรือ เปเป้ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นประธานาธิบดีจนที่สุดในโลก ในช่วงดำรงตำแหน่งผู้นำอรุกวัย ช่วงปี 2553-2558 เขามอบเงินเดือนส่วนใหญ่ให้กับองค์กรการกุศล และใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายในฟาร์ม กับภรรยาซึ่งเป็นอดีตสมาชิกกองโจร และสุนัข 3 ขา แต่เมื่อครั้งให้สัมภาษณ์ AFP ในปี 2555 มูคีกา ปฏิเสธรับตำแหน่งนี้ โดยบอกว่า เขาไม่ได้ยากจน แค่ใช้ชีวิตแบบสมถะ ชีวิตของเขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก
มูคีกาที่ผู้คนจดจำ เป็นภาพนักการเมืองผมขาว พูดจาตรงไปตรงมา วิจารณ์ลัทธิบริโภคนิยมดุเดือด เป็นประธานาธิบดีที่ไม่อยู่ติดออฟฟิศ สวมรองเท้าแตะเข้าร่วมงานทางการ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในฟาร์มชานกรุงมอนเตบีเดโอ เมืองหลวง ของมีราคาค่างวดอย่างเดียวในบ้านคือ รถเต่า หรือ โฟล์กวาเกน บีเทิล ปี 1987
เส้นทางของนักการเมืองผู้สมถะในตำนานซ้ายลาตินอเมริกา เริ่มจากช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 มูคีการ่วมก่อตั้งขบวนการ “ตูปามาโรส” กลุ่มกองโจรในเขตเมืองที่ยึดอุดมการณ์มาร์กซิสต์-เลนิน แรกเริ่มปล้นคนรวยมาแจกจ่ายคนจน ก่อนยกระดับรุนแรง เป็นลักพาตัว วางระเบิดและลอบสังหาร ในวัยหนุ่ม เขาต่อสู้แบบไม่กลัวตาย ได้แผลจากถูกยิงหลายครั้ง และเข้าร่วมปฏิบัติการแหกคุกครั้งใหญ่
เมื่อขบวนการ ตูปามาโรส ล่มสลายในปี 2515 เขาถูกจับอีกครั้งและติดคุก 12 ปีในยุคเผด็จการ ระหว่างนั้น ถูกซ้อมทรมานและถูกขังเดี่ยวหลายปี หลังได้รับอิสรภาพ ตัดสินใจลงเล่นการเมือง ก่อตั้ง “ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน” ในปี 2532 เป็นกลุ่มก้อนใหญ่สุดในแนวร่วมฝ่ายซ้ายของอุรุกวัย มูคีกาได้รับเลือกเข้าสู่สภาฯครั้งแรกในปี 2538 เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี 2543 และนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเกษตรในรัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดแรกของอุรุกวัย
ในช่วง 5 ปีที่ปกครองอุรุกวัย ประธานาธิบดีมูคีกา เปลี่ยนโฉมหน้าประเทศที่มีประชากร 3 ล้าน 4 แสนคน จากที่รู้จักแค่เรื่องฟุตบอลและเนื้อวัว เป็นฐานใหญ่ของการเมืองแบบก้าวหน้า ในทวีปที่เต็มไปด้วยผู้ปกครองอำนาจนิยมและทุจริต รัฐบาลของเขาผ่านกฎหมายรับรองการทำแท้ง สมรสเท่าเทียม และทำให้อุรุกวัย เป็นประเทศแรกในโลกที่ปลดล็อกกัญชาเพื่อสันทนาการ เขายังคงเดินหน้ารณรงค์หาเสียงให้กับปีกการเมืองฝ่ายซ้ายหลังจากป่วยเป็นมะเร็ง และส่ง ยามานดู ออร์ซี ทายาทการเมือง ซึ่งเป็นครูมาก่อน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
แม้ได้รับการชื่นชมเรื่องการต่อสู้ความยากจนสมัยเป็นประธานาธิบดี แต่ก็มีเสียงวิจารณ์เหมือนกันเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ
พฤษภาคมปีที่แล้ว มูคีกาถูกตรวจพบเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ก่อนลามไปตับ เขาประกาศเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ว่า มะเร็งลุกลามมากแล้วและจะยุติการรักษา ลูเซีย ทาโปลันสกี้ ภรรยา กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า มูคีกาได้รับการรักษาแบบประคับประคอง สองสามีภรรยาไม่มีลูก ร่างของอดีตผู้นำจะได้รับการฝังในฟาร์ม ใกล้กับสุนัขของเขา ตามความประสงค์ก่อนเสียชีวิต