AFP รายงานว่าศาลอุทธรณ์ที่นครโฮจิมินห์ ซิตี้มีคำพิพากษาตัดสินในวันนี้ (จันทร์ที่ 21 เมย.) ให้ลดโทษนางเจือง มี ลาน เศรษฐีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์วัย 68 ปีชาวเวียดนามลงเหลือ 30 ปี จากการกระทำความผิด 3 คดี ซึ่งรวมทั้งคดีฟอกเงิน 1 หมื่น 7 พัน 700 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 6 แสนล้านบาท), ยักยอกเงินข้ามพรมแดน 4 พัน 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท) และใช้เงินระดมทุนพันธบัตรอย่างผิดกฎหมาย 1 พัน 200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 4 หมื่นล้านบาท) หลังจากศาลชั้นต้นเวียดนามพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ( 2567)
ผู้พิพากษาให้เหตุผลของการลดโทษว่าหลังจากที่มีการปรึกษาหารือกันแล้วมองว่าสามารถนำทรัพย์สินของนางลานที่ยึดได้มาชดเชยให้กับผู้เสียหายที่ต้องสูญเงินไปจำนวนมาก ขณะที่ลานให้การต่อศาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการกระทำความผิดของเธอเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจแต่เป็น “อุบัติเหตุ” และว่านับตั้งแต่ที่ถูกจำคุก เธอได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาทางแก้ปัญหาเพื่อชดใช้ผู้เสียหาย
อย่างไรก็ตามเจือง มี ลานถูกศาลอุทธรณ์คงคำพิพากษาประหารชีวิตในอีกคดีสำคัญคือคดียักยอกเงินจากธนาคารไซง่อน คอมเมอร์เชียล (SCB) จำนวน 1 หมื่น 2 พัน 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 4 แสนล้านบาท) แม้นางลานจะขอจ่ายเงินคือบางส่วนเพื่อลดโทษ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญและเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวียดนาม สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมแล้วสุงถึง 2 หมื่น 7 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ (มากกว่า 9 แสนล่านบาท) หรือคิดเป็น 6% ของ GDP ในปี 2566 โดยมีผู้เสียหายมากกว่า 3 หมื่น 6 พันราย
ที่มาที่ไปของคดีนี้ มาจากนางลาน ซึ่งได้เริ่มธุรกิจจากการขายของชำ ขายเครื่องสำอาง จนกระทั่งสร้างตัวจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากในยุคปฏิรูปเศรษฐกิจใหญ่ ทำให้เธอเป็นเจ้าของที่ดิน และเจ้าของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหลายแห่ง ในปี 2554 เธอได้รับอนุญาตให้เข้าไปควบรวมกิจการธนาคารขนาดเล็ก 3 แห่งที่ประสบปัญหาทางการเงิน จนกลายเป็นธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล
ตามกฎหมายของเวียดนาม บุคคลห้ามถือหุ้นธนาคารเกิน 5% แต่นางลานเลี่ยงกฎหมายนี้ด้วยการตั้งบริษัทเปล่า (shell companies) และนอมินีจำนวนมากมาถือหุ้นแทน จนทำให้ในความเป็นจริง เธอเป็นเจ้าของธนาคารแห่งนี้ในสัดส่วนกว่า 90%
เธอใช้อำนาจแต่งตั้งคนของตัวเองเป็นผู้จัดการเอื้อประโยชน์ในการออกเงินกู้ จนทำให้ยอดกู้ของเธอพุ่งสูงขึ้น 93% ของเงินทั้งหมดที่ธนาคารปล่อยกู้ แถมยังสั่งให้คนขับรถถอนเงินสดจากธนาคารมากถึง 108 ล้านล้านดอง หรือราว 8 หมื่นล้านบาท มาเก็บไว้ที่ห้องใต้ดินบ้านตัวเอง นอกจากนี้ยังจ่ายสินบนมหาศาลให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ จนหลายคนถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตไปแล้ว