“สก.นภาพล” ชงสภากทม. ชี้จำเป็นลดภาระดอกเบี้ยวันละ 5 ล้าน ควรยึดคำพิพากษา “ศาลปกครองสูงสุด” เร่งชำระหนี้ BTS งวด 2 กว่า 2 หมื่นล้าน

"สก.นภาพล" ชงสภากทม. ชี้จำเป็นลดภาระดอกเบี้ยวันละ 5 ล้าน ควรยึดคำพิพากษา "ศาลปกครองสูงสุด" เร่งชำระหนี้ BTS งวด 2 กว่า 2 หมื่นล้าน

“สก.นภาพล” ชงสภากทม. ชี้จำเป็นลดภาระดอกเบี้ยวันละ 5 ล้าน ควรยึดคำพิพากษา “ศาลปกครองสูงสุด” เร่งชำระหนี้ BTS งวด 2 กว่า 2 หมื่นล้าน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

9 เม.ย.2568 ที่ประชุมสภากทม. ได้พิจารณารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่โดยนายนภาพล จีระกุล สก.บางกอกน้อย ในฐานะประธานกมธ.ได้รายงานสรุปในกรณีหนี้สินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งกทม.โดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ค้างชำระอยู่ ตั้งแต่ปี 2562 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ประชุมพิจารณาปัญหาดังกล่าว โดยได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทุกด้าน มีการพิจารณาสัญญา ระเบียบ กฎหมาย คำฟ้อง คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุด และแนวคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปเป็นข้อเสนอแนะต่อ สภากทม. และผู้บริหารกทม.

 

 

นายนภาพล กล่าวว่า หนี้ค้างชำระกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC มีทั้งหมด 3 ส่วน ซึ่งกทม. ควรเร่งดำเนินการจ่ายทั้งหมด โดยแบ่งเป็นส่วนที่ 1 หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงปี 2564 – 2565 ที่ BTSC ฟ้องศาลปกครองกลางแล้ว จำนวนกว่าหมื่นล้านบาท, ส่วนที่ 2 หนี้ที่ยังได้ฟ้องต่อศาลปกครองในปี 2565 – 2567 และส่วนที่ 3 หนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา

 

“ดังนั้นคณะกรรมการวิสามัญฯ เห็นว่าผู้บริหารกทม. ควรเร่งชำระหนี้ส่วนที่ 1 และหนี้ส่วนที่ 2 เพราะหนี้ส่วนดังกล่าวรวมกันเป็นเงิน ประมาณสองหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งขณะนี้กทม. และ KT ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย ตกประมาณวันละ 5 ล้านบาทเศษ ซึ่งหากจะต่อสู้ทางคดีปกครองต่อไป ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทางราชการ” นายนภาพล กล่าว

 

นายนภาพล กล่าวว่า สำหรับหนี้ส่วนที่ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นมา ที่ต้องชำระในวันที่ 20 ของเดือนถัดไปนั้น กทม.ควรนำเงินค่าโดยสารที่เก็บมาแล้ว ทยอยจ่ายสมทบเป็นค่าจ้างส่วนที่ขาด ส่วนจะจ่ายได้กี่เดือนก็จ่ายไปตามนั้น ที่ยังขาดกทม. ก็ควรตั้งเสนอสภากทม. เพื่อตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งผู้บริหารกทม. ควรเจรจากับรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหาข้อยุติและต่อรองเรื่องเงินต้นและดอกเบี้ย ในลำดับต่อไป

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงในที่ประชุมว่า ปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างฝ่ายบริหารและสภากทม. เนื่องจากการชำระหนี้ทุกบาทต้องได้รับอนุมัติจากสภากทม. ที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งการตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ของนายนภาพล จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการหาข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนเสนอญัตติเข้าสภากทม. สำหรับการก่อหนี้ผูกพันในอนาคตต้องให้สภากทม.พิจารณาก่อน เพราะหากไปก่อหนี้ผูกพันมูลค่าหลายแสนล้านโดยไม่ได้รับความเห็นชอบ จะกลายเป็นปัญหาทางกฎหมาย

นายชัชชาติ กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีความซับซ้อน เนื่องจากอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พ.ร.บ.ร่วมทุน) โดยตามหลักการ เมื่อสัมปทานสิ้นสุดในปี 2572 รถไฟฟ้าทั้งหมดจะกลับมาเป็นของ กทม. และรายได้จะตกเป็นของ กทม. แต่ปัจจุบันมีการจ้าง BTSC เดินรถล่วงหน้าไปถึงปี 2585 ซึ่งเกินกว่ากรอบสัมปทานเดิม ทำให้ต้องพิจารณาตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนต่อไป อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารได้ตัดสินใจจ้างที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาด้านกฎหมายและเงื่อนไขของ พ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่เหลือก่อนสัมปทานจะสิ้นสุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"หม่อมจ๊ะโอ๋" ยืนยันต้องทวงคืนช้างกลับไทย ย้ำไม่บังควรเงียบเฉยต่อความเป็นอยู่ของช้าง
ย้อนไทม์ไลน์ประเด็นร้อน "ยาดมหงส์ไทย" ผิดตรงไหน ถึงโดนไล่บดขยี้ สกัดโอกาสผลิตภัณฑ์ไทย ขยายตลาดโลก
มูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ เปิดโครงการปลูกผักสวนสมุนไพรแห่งความร่วมมือ ที่โคราช
“โจ มณฑานี” ถึงน้ำตาซึม อ่านอัปเดตชีวิต 15 ทหารกล้า สู้ศึกเขมร แต่ละคำพูดจุกอก ตอกย้ำหัวใจนักรบ เกินอธิบาย พวกชอบถาม ‘มีทหารไว้ทำไม’
คนบึงกาฬรักสุขภาพ ร่วมกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน–วิ่ง–ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ เมืองไทยไร้สโตรค”
ด่วน!! "ทหารเขมร" เมินข้อตกลง ปรี่ขวางคณะ AOT ตรวจพื้นที่บุรีรัมย์ ดูการเก็บกู้ทุ่ระเบิด ขณะทหารไทย ทภ.1-2 ทยอยถอนอาวุธหนักพ้นชายแดน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​