สื่อสหรัฐตีข่าวตึกไทยถล่มอาจกระทบโครงการหนึ่งแถบเส้นทางจีน

สื่อสหรัฐรายงานบทวิเคราะห์ชี้ว่าโครงการหนึ่งแถบเส้นทางหรือ Belt and Road ของจีนกำลังถูกตั้งข้อสงสัยหลังจากอาคาร 30 ชั้นของไทยซึ่งรับเหมาโดยบริษัทจีนพังถล่มในเหตุการณ์แผ่นดินเมียนมา

เดอะ วอชิงตัน ไทม์สชี้ว่าอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือสตง. สูง 30 ชั้นของไทยที่พังถล่มลงมา เผยให้เห็นสิ่งที่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าเป็นหลักฐานของการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เหล็กเส้นที่ถูกเปิดเผยในเหตุตึกถล่มเห็นได้ชัดเจนว่าได้เกิดหักจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และอาคารดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างจีนกับไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายทางการทูตของจีน ซึ่งเหตุอาคารสตง.ของไทยพังถล่มครั้งนี่้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คนสูญหาย 72 คน

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าได้ดูคลิปวีดีโออาคารถล่มจากหลายมุม ซึ่งจากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตนไม่เคยเห็นปัญหาแบบนี้มาก่อน ซึ่งต้องสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะงบประมาณส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไว้ และกำหนดเส้นตายของการก่อสร้างก็ถูกเลื่อนออกไป ซึ่งล่าสุดไทยได้เริ่มการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว

2 วันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ปรากฏภาพของชาวจีน 4 คน พยายามขนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยได้ควบคุมตัว สอบปากคำก่อนจะปล่อยตัวไป จากนั้นสถานทูตจีนในกรุงเทพฯ และกระทรวงมหาดไทยของไทย ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับเหตุการณ์ตึกถล่ม อย่างไรก็ตาม การเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

รายงานเผยว่า“ภาพลักษณ์ของจีนในไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจีน ภายใต้การแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างจีนกับสหรัฐฯซึ่งเกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษในความพยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อการทูต การเมือง เศรษฐกิจ และการทหารของไทย โดยจีนนั้นมีการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยผ่านการศึกษา การลงทุน การท่องเที่ยว และความช่วยเหลือทางการเงิน”

ทีมสืบสวนได้กระเทาะเอาเหล็กเส้น 2 ประเภทออกจากเสาคอนกรีตของตึกที่ถล่ม หลังตรวจสอบ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยพบว่าองค์ประกอบทางเคมี มวล และความแข็งแรงของเหล็กเส้นกลมไม่ผ่านการทดสอบ ภาพที่สื่อท้องถิ่นของไทยรายงาน เผยให้เห็นให้เห็นชื่อยี่ห้อที่ประทับบนเหล็กเส้นที่ขุดออกมาจากซากอาคารผลิตโดยบริษัทเหล็กของจีน ขณะที่ชาวไทยบางส่วนเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของจีนต่อการพัฒนาประเทศ

เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวที่ซับซ้อนของไทย ตลาดคอนโดมิเนียมและการก่อสร้างมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทประกันภัย และภาคส่วนอื่นๆ ได้รับผลกระทบนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) แห่งนี้จะสูญเสียมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) จากแผ่นดินไหว ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมืองของไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2568 ว่าอาคารสูงอย่างน้อย 30 แห่งในประเทศไทย ได้รับความเสียหายในระดับที่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการตรวจสอบสัญญาก่อสร้าง แบบแปลน และวัสดุก่อสร้างว่าไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะแก้ไขปัญหาการพังถล่มของตึกสตง. อีกทั้งยังมองเป็นเรื่อง “ตลกร้าย (Grim Irony)” เมื่ออาคารแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหว เป็นอาคารของหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีสัญญาปลอมและเรื่องไม่ชอบมาพากลต่างๆ เกิดขึ้นในโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ

“บริษัทร่วมทุนที่ก่อสร้างอาคารดังกล่าว ฝั่งหนึ่งเป็นบริษัทในเครือ CREC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือ Thai-Italian Development ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของไทยและของอาเซียน โดย CREC นั้นมีบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 1 แถบ 1 เส้นทาง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาและขยายกิจการระหว่างประเทศที่กว้างขวางของจีน เช่น โครงการรถไฟเส้นทางมอมบาซา-ไนโรบีในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกที่วิ่งผ่านเคนยา รวมถึงโครงการในจีนเอง เช่น โครงการรถไฟเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ และเส้นทางชิงไห่-ทิเบต”

CREC เป็นองค์กรของรัฐบาลจีนและได้ดำเนินโครงการอื่นๆ ในประเทศไทยแล้วเสร็จไปหลายแห่ง รวมทั้งเส้นทางรถไฟสำหรับเชื่อมต่อไปยังเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อจากปักกิ่ง-กรุงเทพ-สิงคโปร์ นอกจากนี้ CREC ยังช่วยทำเส้นทางรถไฟใต้ดินสายหนึ่งของกรุงเทพฯ และกำลังเสนอราคาสำหรับเส้นทางอื่นๆ ด้วย ซึ่งล่าสุดหน่วยงานของไทยทั้งกระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากรและตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้เริ่มตรวจสอบอีกกว่า 10 โครงการในไทยที่อาจเชื่อมโยงกับบริษัทสัญชาติจีนดังกล่าวแล้ว

ก่อนเกิดแผ่นดินไหว CREC ได้กล่าวถึงโครงการก่อสร้างอาคารสตง. อย่างภาคภูมิใจว่าเป็นโครงการก่อสร้างอาคารสูงแห่งแรกที่ดำเนินการในต่างประเทศ ซึ่ง ฟิลิป เจ. คันนิงแฮม (Philip J. Cunningham) นักวิจัยด้านการเมืองเอเชีย ตั้งข้อสังเกตว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวและอาคารดังกล่าวพังถล่มลงมา CREC ได้ลบภาพและข้อมูลทุกอย่างของโครงการนี้ออกไปจากเว็บไซต์

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษา คดีม.112 ปม "ทักษิณ" ให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ 22 ส.ค.นี้
"ไชยชนก" มั่นใจอีกไม่นาน ความจริงปรากฎ "เขากระโดง" ไม่ใช่ที่ดิน "ร.ฟ.ท." เห็นใจชาวบ้านโดนผลกระทบ
“อนุทิน” โต้กลับ “เดชอิศม์” ยันไม่มีงบกระจุก ปมกล่าวหาทุ่มงบฯลงอบจ. สีน้ำเงิน มั่นใจทำถูกต้อง ไม่กังวลถูกเช็กบิล
สึกแล้ว! เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ดอดลาสิกขาแล้ว หลังเจอภาพหลุด สีกากอล์ฟ
มติสภาฯ 306 เสียง ปัดตก 'ร่างกม.นิรโทษกรรม' ล้างผิดประชาชน คดีมาตรา 112
เปิดมุมมองใหม่ของมหานคร📸✨ MEA ชวนคุณบันทึกภาพความงามไร้สาย ชิงรางวัลรวม 120,000 บาท !
การเคหะแห่งชาติ เปิดจอง “อาคารเช่าพักอาศัยลพบุรี ระยะที่ 1” พร้อมสิทธิพิเศษลดค่าเช่านาน 6 เดือน
กกต. ยกคำร้อง 206 ผู้สมัครสว. ระดับอำเภอ จ.อำนาจเจริญ ชี้ไม่พบหลักฐาน-เส้นเงินโยงจ้างลงสมัคร-จัดตั้งกลุ่มลงคะแนน
กองทัพกัมพูชาปลอบเยาวชนอย่ากลัวเกณฑ์ทหาร
Titleist เปิดตัวชุดเหล็ก T-Series รุ่นใหม่  เจเนเรชั่นล่าสุดของชุดเหล็ก T100, T150 และ T350 รวมถึง T250 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ของประสิทธิภาพ และความสม่ำเสมอตลอดทั้งเซ็ต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น