“กลุ่มสว.สีน้ำเงิน” เคลื่อนไหวแย้งมติ กคพ.ซัดบิดข้อกม.จับคดีโพยฮั้วโยงฟอกเงิน

ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวในมาตรา 77 วรรคท้าย ยังระบุว่า หากเป็นการกระทำความผิดตาม (1) เสนอว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ให้ถือว่าเป็นความผิดมูลฐานในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้ กกต.มีอำนาจส่งเรื่องให้สำนักงานปปง. พิจารณาได้ อีกทั้งพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ดังกล่าว เป็นกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อมีบทบัญญัติความผิดเฉพาะแล้ว การกระทำดังกล่าวจึงอยู่ในอำนาจของ กกต.

แหล่งข่าวในกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ระบุอีกว่า หากจะวินิจฉัยว่าในคดีนี้เป็นคดีฟอกเงินหรือไม่ จะต้องดูที่การกระทำที่เกิดขึ้น ว่าการกระทำนั้นมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สว.หรือไม่ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 77 ซึ่งถือเป็นการกระทำหลัก เพราะถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 77 ซึ่งเป็นการฮั้วเลือก สว. ก็ย่อมจะไม่มีความผิดมูลฐานในความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน และการจะพิจารณาว่าจะมีความผิดฐานฮั้วเลือก สว. หรือไม่ จึงอยู่ในอำนาจของกกต. ดังนั้นการใช้อำนาจของ DSI ที่รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ โดยอ้างว่าเป็นความผิดฐานฟอกเงินโดยมีมูลฐานความผิดจากอั้งยี่ เป็นการบิดการใช้อำนาจทางกฎหมาย เพราะถ้าอ้างเช่นนั้นเท่ากับว่าความผิดหลักคืออั้งยี่ แต่ความผิดฐานอั้งยี่ไม่ใช่คดีความผิดทางอาญาตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษที่จะอยู่ในอำนาจของ DSI