ข่าวที่น่าสนใจ
พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่เข้าไป และบอกว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ แต่อยากให้คิดภาพให้ตรงกันว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ยินยอมเข้าไปต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่หลอกลวงคนจากทั่วโลก แต่เมื่อกลับมาแล้วคนกลุ่มนี้ อาจคิดว่าตนเองจะต้องถูกดำเนินคดี หากถูกส่งกลับมา ทั้งหมดจึงต้องร้องไห้ปั้นแต่งเรื่องว่า เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ยกตัวอย่างมีชาวแอฟริกาเข้าไปเป็นสแกมเมอร์ประมาณปีกว่า และให้ข่าวว่าโดนมอมยาสลบจากสุวรรณภูมิ แล้วไปโผล่อีกทีที่ประเทศเมียนมา ซึ่งในลักษณะนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อเขามา เขาไม่มีเงินติดตัวมาเลย แล้วกลับไปเป็นสแกมเมอร์
สำหรับการวางยาสลบ 8-9 ชั่วโมงนั้น ไม่น่ามีความเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น หากตั้งเรื่องดีๆ และเข้าใจตรงกันว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นสแกมเมอร์ และหลอกลวงคนทั้งโลก จะทำให้เราไม่หลงทาง เพราะตอนนี้เริ่มหลงทาง และเริ่มที่จะหลงเชื่อกลุ่มสแกมเมอร์ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ถูกหลอกไป และเป็นคนดี ทั้งที่จริงแล้วคนดีมีอยู่ไม่กี่คนขอยอมรับว่า อาจจะมีชาวญี่ปุ่น 2-3 คน ที่โดน หรือคนจีนที่โดน ยอมรับว่ามีจริง แต่ไม่ทั้งหมด และทุกคนมักบอกว่าตนเองเป็นเหยื่อ อยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์ว่ามันไม่ใช่
ส่วนการที่อ้างว่าโดนยาสลบ และพาข้ามไปนั้น ก็เป็นคำให้การของพวกมิจฉาชีพที่หลอกเอาเงินจากกระเป๋าเงินของคนทั่วโลกได้ กลุ่มคนเหล่านี้มีทักษะในการหลอกลวงสูง เมื่อกลับมาที่ไทย เขาก็จะไปหลอกต่อ หากเราหลงเชื่อ “บางคนที่หิวแสง และออกมาพูดลักษณะนี้ ตนเองว่าเราควรปกป้องประเทศไทยดีกว่า ช่วยกันดูแลประเทศไทย และปกป้องคนดีจากคนเลว ดีกว่าอย่าไปเชื่อคนเลว แล้วทำร้ายคนดี”
ทั้งนี้ พลตำรวจตรี อรรถสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้ทุกคนที่ข้ามมา ได้เข้าสู่กระบวนการ NRM แล้ว ซึ่งต้องคัดแยกให้ได้จริงๆ และจะไปช่วยสแกมเมอร์ ว่าเขาเป็นเหยื่อเรื่องนี้รับไม่ได้จริงๆ ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ว่าใครที่เป็นเหยื่อจริงๆ ซึ่งตอนนี้ขอยอมรับว่า มีเหยื่อจริงแต่น้อยมาก และก็ช่วยมาสำเร็จแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
