แม่ร้อง “ปวีณา” หาทางช่วย “ลูกสาว” ถูกลวงไปค้าประเวณีประเทศเมียนมา พร้อมเด็กสาวอีกหลายราย

แม่ร้อง "ปวีณา" หาทางช่วย "ลูกสาว" ถูกลวงไปค้าประเวณีประเทศเมียนมา พร้อมเด็กสาวอีกหลายราย

Top news รายงาน วันที่ 21 ต.ค.67 มีรายงานว่า นางอร (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ผ่านเพจเฟชบุ๊กมูลนิธิปวีณาฯ โดยแจ้งว่า ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ลูกสาว ถูกเพื่อนที่รู้จักกันหลอกลวงให้ไปค้าประเวณีที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยเดินทางไปเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งกลางดึกของวันที่ 17 ต.ค. ลูกสาวทักแชทมาบอกว่า ไม่อยากทำงานแบบนี้ หากไม่มีใครมาช่วยก็จะฆ่าตัวตาย แม่กลัวลูกคิดสั้นจึงติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

 

 

 

หลังรับแจ้ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นางอร (นามสมมุติ) จนทราบพิกัดของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) ก่อนประสานพูดคุยเจรจา ซึ่งทางร้านที่คุมตัว ด.ญ.บี เอาไว้ เรียกค่าไถ่ตัว ด.ญ.บี จำนวน 50,000 บาท แต่ นางอร ไม่มีเงินจึงให้ลูกสาวเรจาต่อรองเหลือ 8,000 บาท กระทั่งเช้าของวันที่ 18 ต.ค. นางอร (นามสมมุติ) จึงโอนเงินไป 8,000 บาท หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงจังเดินทางไปรับตัวลูกสาวกลับมาประเทศไทย ได้อย่างปลอดภัย

นางอร เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.00 น. ลูกสาวทักแชทมาบอกตนว่า จะขอไปเที่ยวกับเพื่อน กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. ตนโทรศัพท์ไปหาลูกสาว แต่ลูกไม่รับสาย จากนั้นลูกสาวส่งข้อความกลับมาว่านั่งอยู่บนรถทัวร์แถว จ.ลำปาง ตอนนั้นตนตกใจมาก และไม่สามารถติดต่อลูกได้อีกเลย จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 15 ต.ค. ลูกสาว แชทมาหาตนแล้วบอกว่าตอนนี้อยู่ที่ จ.ตาก ตนจึงสอบถามว่าไปทำอะไร ลูกสาวบอกว่าเพื่อนให้มาส่ง อีก 2 วันก็จะกลับ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาวันที่ 16 ต.ค.เวลาประมาณ 15.00 น. ลูกสาวทักแชทมาหาแล้วบอกว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก่อนที่ลูกสาวจะบอกว่าตอนนี้น่าจะอยู่ที่ประเทศเมียนมา เพราะคนรอบตัวมีแต่คนเมียนมา กับคนจีน มีทหารถือปืนอยู่เต็มไปหมด พร้อมส่งโลเคชั่นมาให้ตน ซึ่งปรากฏว่าอยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จริง ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

ด้าน ด.ญ.บี (นามสมมุติ) เล่าให้ฟังว่า รู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่ที่อาศัยอยู่ตำบลใกล้เคียงกัน ชื่อกิ่ง (นามสมมุติ) อายุประมาณ 15 ปี จากนั้นได้พูดคุยผ่านแชทเฟชบุ๊ก ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย.67 น.ส.กิ่ง ได้ชักชวนตนให้ไปทำงาน แต่ตนปฎิเสธ ต่อมาวันที่ 12 ต.ค. 67 ตนคุยแชทผ่านเฟซบุ๊กกับ น.ส.กิ่ง อีกครั้ง โดย น.ส.กิ่ง ได้ชักชวนให้ไปทำงานกับกับเพื่อนของ น.ส.กิ่ง ซึ่งเป็นงานขายของ กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 15 ต.ค. น.ส.กิ่ง มารับตนออกจากบ้านโดยที่ผู้ปกครองไม่ทราบ ก่อนพานั่งรถประจำทางจาก อ.ปางมะผ้า ไปลงที่ บขส.เชียงใหม่ แล้วนั่งรถทัวร์ไปที่ บขส.ตาก ก่อนพานั่งรถประจำทางไปลงที่หน้าโรบินสัน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีชายไทยขับรถมารอรับแล้วพาไปส่งที่บ้านของหญิงคนไทยคนหนึ่งซึ่งถูกเรียกว่าแม่ ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนนอนค้างที่บ้านหลังดังกล่าว 1 คืน

 

 

 

ต่อมารุ่งเช้าของวันที่ 16 ต.ค. มีชายไทยขี่รถมอเตอร์ไซค์มารับตน กับ น.ส.กิ่ง แล้วพาไปส่งให้กับชายชาวเมียนมา ที่บริเวณตลาดริมเมย จากนั้นชาวเมียนมา พานั่งเรือข้ามฝั่งไป ตนจึงทราบว่าเป็นประเทศเมียนมา โดยตอนนนั้นไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อใครได้ เมื่อไปถึงตึกหลังหนึ่ง หญิงชาวไทยที่คนเรียกว่าแม่ บอกให้รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่ร้านพาตน กับ น.ส.กิ่ง ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วถ่ายรูปส่งไปให้แขกดู ตนจึงทราบว่างานที่ทำนั้นเป็นงานค้าประเวณี ตนพยายามติดต่อแม่ให้แม่มารับ แต่โทรศัพท์ไม่สามารถโทรออกได้ จะใช้ได้เพียงไวฟายเท่านั้น จากนั้นในวันที่ 17 ต.ค. หญิงชาวไทยที่ถูกเรียกว่าแม่ ได้แนะนำชายชาวจีน ให้มาใช้บริการตน โดยหญิงไทยที่ถูกเรียกว่าแม่ บังคับตนให้รับแขก โดยตอนนั้นตนกลัวว่าจะถูกทำร้ายทุบตี และอาจจะไม่มีชีวิตกลับมาประเทศไทยได้อีก

 

 

 

 

ด้าน นางปวีณา ประธานมูลนิธิเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ประเทศเพื่อนบ้านมีเด็กและผู้หญิงถูกหลอกไปค้าประเวณีเป็นจำนวนมาก หากถูกหลอกทางเฟซบุ๊คก็ยากที่จะติดตามตัวเด็กกลับมาได้ เพราะต้องหาเส้นทาง และหาคนช่วย โดยเคสมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานไปยังทหารของประเทศเมียนมา ซึ่งโชคดีที่เด็กกลับมาแม่ได้อย่างปลอดภัย

นางปวีณา กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.67) มูลนิธิปวีณาฯ จะส่งเรื่องไปที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมผู้เป็นธุระจัดหา และให้ขยายผลผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป ทั้งนี้อยากฝากเตือนไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองขอให้กวดขันบุตรหลานเพื่อให้รู้ข่าวสารว่ามีขบวนการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้กำชับลูกหลานว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือเด็กหรือสตรีที่ถูกหลอกลวงไปได้ทุกคน จึงขอให้คิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชัยภูมิอ่วมน้ำป่าไหลบ่าทะลักถนน นาข้าวของชาวบ้านเสียหายกว่า 500 ไร่
ป.ป.ช. มอบโล่เกียรติยศ “ผอ.อผศ.” 2 รางวัล หน่วยงานที่มีพัฒนาการสูงสุดประเภทหน่วยงานอื่นของรัฐ และหน่วยงานมีผลการประเมินสูงสุด
เขมรไม่เลิกตุกติก "ประชุม RBC" ทหารไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุป 13 ด้าน แต่ไม่ตกลงร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกรมเมอร์
อ่านน้ำตาซึม "ส.อ.ธนศักดื์" อัพเดทอาการบาดเจ็บ เปรยป่วยนานไม่ได้ ต้องรีบไปช่วยเพื่อน พี่น้อง ร่วมรบ
ปกครองจังหวัด สนธิกำลัง ปกครองบางละมุง ตร.พัทยา ตรวจร้านเหล้าพัทยา ป้องปรามสิ่งผิดกฎหมาย
"คณะทูต 33 ประเทศ" ลงพื้นที่อุบลฯ-ศรีสะเกษ แล้ว พร้อมพิสูจน์ความจริงทหารเขมร ลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​