“สรรเพชญ” แนะรัฐบาลใช้ผลดี “ธปท.” ลดดอกเบี้ย นำกระตุ้นศก.ให้ได้ผลจริงจัง

"สรรเพชญ" แนะรัฐบาลใช้ผลดี "ธปท." ลดดอกเบี้ย นำกระตุ้นศก.ให้ได้ผลจริงจัง

วันที่ 19 ตุลาคม 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นต่อ “กรณีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)” ซึ่งล่าสุดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยนายสรรเพชญ กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยนี้มีประโยชน์สำคัญต่อทั้งประชาชนและธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก แต่รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการลดดอกเบี้ยนั้น จะช่วยลดภาระหนี้สินของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต การลดดอกเบี้ยทำให้ดอกเบี้ยจ่ายของประชาชนลดลง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การลดดอกเบี้ย จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของการกู้ยืมลดลง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายกิจการหรือดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น สิ่งที่จะต้องติดตามต่อไป คือ บรรดาธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ จะมีการปรับลดเงินกู้ตามหรือไม่ เพราะปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ สวนทางกับดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงมากตามประเภทของการกู้

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม นายสรรเพชญ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การลดดอกเบี้ยในระยะยาวอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน รัฐบาลจำเป็นต้องเฝ้าระวังปัญหาด้านหนี้สิน หากเกิดการกู้ยืมมากเกินไปจนเป็นหนี้เสีย (NPL) โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่อาจประสบปัญหาในการชำระหนี้หากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ยังเน้นว่า รัฐบาลควรมีมาตรการรองรับและนโยบายคุมเข้มเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

ในตอนท้าย นายสรรเพชญ ได้กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยถือ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการกู้ยืม และช่วยกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศได้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตามนายสรรเพชญยังมีความหวังว่าจะมีการประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยให้เอื้อต่อบรรยากาศในการลงทุนให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุน SMEs ให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลดดอกเบี้ย เช่น ขยายการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะลดลง แต่ SMEs หลายราย ยังคงประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเนื่องจากขาดหลักประกัน หรือมีประวัติทางการเงินที่ไม่แข็งแรง รัฐบาลควรส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านการจัดตั้งกองทุนพิเศษ หรือ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ โดยอาจร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสขยายกิจการและสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้น การมีมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน โดยใช้มาตรการภาษีเพื่อจูงใจการลงทุน เช่น การลดหย่อนภาษี สำหรับการลงทุนในเทคโนโลยี หรือ การปรับปรุงระบบการผลิต รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ SMEs ที่ขยายการจ้างงานหรือลงทุนในภาคการผลิต การใช้มาตรการเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นและกระจายการเติบโตไปยังทุกภาคส่วน มาตรการเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น รัฐบาลสามารถจัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับ SMEs ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในระยะสั้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจนและตรงเป้าหมาย เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ในช่วงวิกฤต หรือช่วงที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่จากผลกระทบทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รทสช." แตกยับ เบื้องหลังมือมืดปล่อยข่าว "เอกณัฏ" ลาออกกก.บห. จับตา "ลูกหมี ชุมพล" ย้ายไปภท.
บูรณะโบสถ์มหาอุตม์ 300 ปี วัดแจ้งใน เชื่อพลังศรัทธา ‘หลวงพ่อแจ้ง’ คุ้มครองสิ่งร้าย สืบสานพระพุทธศาสนาแดนโคราช
หมออุ๋ย จัดโครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ภาคส่วนจำนวนมาก ร่วมกิจกรรมสภากาแฟสร้างมิตรสัมพันธ์
อบต.ห้วยแห้ง จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ลดโลกร้อนรับวันโอโซนโลก
ผู้มีรายได้น้อยซึ้งใจ พระวชิรสุตสุนทรแจกข้าวสารให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม กว่า 300 คน ต่างพากันผ่าสายฝนปักหลักรอรับ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​